วานนี้ (11 ต.ค. 61) นายประยูร ช่วยแก้ว รองผู้อำนวยการฝ่ายการเดินรถองค์การ รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ ขสมก. เผยว่า ที่ประชุมได้อนุมัติแผนฟื้นฟูกิจการ ที่จัดทำขึ้นเพื่อใช้เป็นแนวทางการปรับปรุงระบบการทำงานให้มีประสิทธิภาพ ด้วยการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย สามารถเลี้ยงตัวเองได้

โดยแผนการใช้เทคโนโนโลยี ได้แก่
การจัดหารถโดยสาร 3,000 คัน ได้แก่ รถปรับอากาศ NGV 489 คัน, ปรับปรุงสภาพรถ NGV (เดิม) 323 คัน, จัดซื้อรถไฟฟ้า (EV) 35 คัน, ซื้อรถไฮบริด 1,453 คัน พร้อมเช่ารถใหม่ 700 คัน แบ่งเป็นไฮบริด 400 คัน และ NGV 300 คัน
นำเทคโนโลยีทันสมัยมาใช้ เช่น การติดตั้งระบบ e-Ticket, ติดตั้งระบบบริหารงานหลักองค์กร, การติดตั้ง GPS, การติดตั้ง WIFI, ป้ายอัจฉริยะ, การออกบัตรร่วม และเพิ่มช่องทางการจ่ายผ่าน QR Code
ลดเส้นทางเดินรถที่ทับซ้อน, เชื่อมต่อและรองรับกับการขนส่งระบบราง และวางเส้นทางผ่านแหล่งท่องเที่ยว

ส่วนการพึ่งพาตัวเองได้ เพื่อลดภาระภาครัฐ ได้แก่
การลดค่าใช้จ่ายด้านพนักงาน, ปรับโครงสร้างองค์กรให้มีขนาดกระชับลง (Lean) จากจำนวนพนักงาน 5.14 คนต่อรถ 1 คันในปี 2561 ลดลงเป็น 2.75 คนต่อรถ 1 คันในปี 2565
ปี 2565 คาดว่าจะมีพนักงานเข้าร่วมโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด (Early Retirement) กว่า 5,051 คน แบ่งเป็นพนักงานสำนักงาน 655 คนในปี 2563, พนักงานเก็บค่าโดยสาร 2,198 คนในปี 2564 และปี 2565 พนักงานเก็บค่าโดยสาร 2,198 คน

โยกย้ายพนักงานเก็บค่าโดยสาร 448 คน ไปทำตำแหน่งอื่น และในปี 2563 จะจ้างพนักงานใหม่ที่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีมากขึ้น
ลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมรถใหม่ลงร้อยละ 50.3 พร้อมเพิ่มรายได้ด้วยการขอขึ้นค่าโดยสารเฉพาะรถใหม่, เรียกเก็บค่าค้างชำระของรถเอกชนร่วมบริการ, พัฒนาอู่บางเขนและอู่มีนบุรีให้เป็นพื้นที่เชิงธุรกิจ
ขอให้ภาครัฐรับภาระหนี้ทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากนโยบายภาครัฐ
โดยหลังจากนี้ก็จะส่งต่อแผนดังกล่าวให้แก่กระทรวงคมนาคมเสนอคณะรัฐมนตรี เพื่อขอความเห็นชอบต่อไป