ประเทศไทยผู้ประกอบในหลายธุรกิจและผู้ริเริ่มอยากสร้างธุรกิจของตนเอง ต่างมีศักยภาพในการผลิตสินค้าสูง การขยายตลาดไปต่างประเทศจึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจ เพราะเป็นโอกาสที่ดีในการเพิ่มรายได้ และเม็ดเงินจากธุรกิจให้ได้มากยิ่งขึ้น แต่หลายท่านที่ยังไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร

         สำหรับผู้ประกอบการมือใหม่ที่ต้องการส่งออกสินค้าไปต่างประเทศขั้นตอนแรกที่ต้องทำ คือการจดทะเบียนนิติบุคคล เพื่อความถูกต้องและน่าเชื่อถือ โดยการจดทะเบียนนิติบุคคลสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 แบบคือ บริษัทจำกัด บริษัทมหาชนจำกัด และห้างหุ้นส่วนจำกัด ทั้งนี้ต้องไม่ลืมเช็คว่าสินค้าที่ผลิตอยู่นั้นจัดอยู่ในพิกัดศุลกากร (HS) หมายเลขใด โดยสามารถปรึกษากรมศุลกากร หรือค้นหาได้ในเว็บไซต์กรมศุลกากร ที่ www.customs.go.th/tariff/tariff.jsp หลังจากนั้นควรตรวจสอบสินค้าของตนเองว่าอยู่ในกลุ่มสินค้าอ่อนไหวสูงของประเทศที่ต้องการส่งออกหรือไม่ โดยตรวจสอบรายละเอียดกฎแหล่งกำเนิดสินค้าที่ผลิตอยู่ภายใต้กฎเช่นใด ทั้งนี้ผู้ประกอบการสามารถค้นหาข้อมูลได้จากเว็บไซต์ หรือปรึกษากรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ www.thailandaec.com  และกรมการค้าต่างประเทศ www.dft.go.th  ขั้นตอนถัดไป เรียกว่า พิธีการศุลกากร โดยผู้ประกอบการต้องยื่นขอหนังสือรับรองแหล่งกำเนิดสินค้าเพื่อส่งให้ผู้นำเข้าที่ได้สั่งซื้อสินค้า เปรียบเสมือนบัตรประจำตัวประชาชนในการทำธุรกิจการค้าเลยก็ว่าได้ เพราะเอกสารส่วนนี้จะบันทึกข้อมูลพื้นฐานของผู้ประกอบทั้งหมด ทั้งนี้สามารถยื่นได้ที่กรมการค้าต่างประเทศ หรือ สำนักงานการค้าต่างประเทศ และสำนักงานพาณิชย์จังหวัด ที่ได้รับมอบหมาย ส่วนหนังสือรับรองในกรณีส่งสินค้าไปอาเซียนเรียกว่า “ATIGA FORM D”

         นอกจากนี้ผู้ประกอบยังต้องศึกษาวิธีการชำระเงินระหว่างประเทศ โดยสามารถแบ่งตามความนิยมได้ 5 รูปแบบ ได้แก่ การชำระด้วยเงินสด หรือการชำระล่วงหน้า (Cash or Advance Payment) คือการการที่ผู้นำเข้า หรือผู้ซื้อสินค้า ชำระเงินก่อนส่งสินค้า และการชำระโดยเปิดบัญชีขายเชื่อ (Open Account) เป็นการตกลงระหว่างผู้ซื้อ และ ผู้ขายว่าจะมีการส่งสินค้าถึงมือผู้ซื้อก่อนจึงทำการโอนเงินชำระค่าสินค้า โดยมีระยะเวลากำหนดชัดเจน ต่อมาคือการชำระเงินโดยเรียกเก็บเงินผ่านธนาคาร (Bill for Collection) เป็นวิธีที่มีสื่อกลางในการเรียกเก็บเงินจากผู้ซื้อ โดยมีธนาคารเป็นสื่อกลาง ซึ่งมี 2 วิธีคือ Deliver Document against Payment (D/P) ธนาคารจะส่งมอบเอกสารให้ผู้ซื้อ เมื่อผู้ซื้อชำระเงินสินค้าทั้งหมดแล้ว  Deliver Document against Acceptance (D/A) การที่ผู้ขายส่งเอกสารการเก็บเงิน ไปยังผู้ขาย โดยผ่านธนาคารที่เป็นของตัวแทนของทั้งสองฝ่าย เพื่อนำสินค้าไป จึงจ่ายเงินตามที่ตกลง และการชำระเงินโดยการเปิด แล็ตเตอร์ออฟเครดิต (Documentary credit หรือ Letter of Credit) เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ซึ่งผู้ขายสินค้าจะได้รับเงินค่าสินค้าเมื่อได้มอบสินค้าแล้ว และผู้ซื้อจะได้รับสินค้าเมื่อจ่ายเงินแล้ว หากนึกภาพไม่ออก ลองนึกถึงการชำระสินค้าด้วยบัตรเครดิต เนื่องจากมีลักษณะวิธีชำระคล้ายกัน

         อย่างไรก็ดีภาคการส่งออก คือหัวใจสำคัญของเศรษฐกิจของประเทศ หากผู้ประกอบการเจริญรุ่งเรืองในการทำธุรกิจ ประเทศก็จะได้รับอานิสงส์ต่อไปด้วย ดังนั้นการเพิ่มศักยภาพในการส่งออกของผู้ประกอบการจึงเปรียบเสมือนการพัฒนาขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศให้ก้าวหน้าต่อไปด้วย สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการเรียนรู้วิธีทำธุรกิจการส่งออก – นำเข้า สามารถติดต่อได้ที่ กรมส่งเสริมการส่งออก www.dipt.go.th หรือโทรไปที่ 1169 เพื่อพัฒนาศักยภาพตนเองนำสู่การเป็นฟันเฟืองในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยต่อไป