วันพฤหัสบดี, เมษายน 25, 2567

แหล่งเงิน หนุนนวัตกรรม : ดร.เรวัต ตันตยานนท์

by Smart SME, 17 กุมภาพันธ์ 2559

ผู้ประกอบการทุกคนต่างรู้ดีว่า การทำนวัตกรรมจำเป็นที่จะต้องใช้เงินในการลงทุน และที่สำคัญที่สุดก็คือ ยังไม่มีใครที่สามารถรับประกันได้ว่าเงินลงทุนในการทำนวัตกรรมนั้น จะสร้างผลตอบแทนให้กลับคืนมาสู่ธุรกิจได้มากหรือน้อยเพียงใด อัตราส่วนมีตั้งแต่การไม่มีผลตอบแทนใดๆ เลย

 

เนื่องจากสินค้านวัตกรรมไม่เป็นที่ต้องการของตลาด หรืออาจได้ผลตอบแทนกลับมามากมายมหาศาล หากสินค้านวัตกรรมนั้น สร้างการตอบรับจากตลาดได้อย่างท่วมท้น และอาจถึงกับเขย่าบัลลังก์ของเจ้าตลาดที่ครอบครองตลาดเดิมอยู่ได้ ตัวอย่างง่ายๆ ที่เห็นก็เช่น การตกต่ำของโนเกีย ในขณะที่ ไอโฟน และซัมซุง เข้ามาครอบครองตลาดเพราะสร้างนวัตกรรมที่โดดเด่นกว่า

 

ในปัจจุบันโดยเฉพาะในประเทศที่เจริญแล้ว มักจะมีกลไกทางการเงินเพื่อสนับสนุนให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมของประเทศได้ในหลายๆ ด้าน โดยการพัฒนานวัตกรรมของประเทศที่มีประสิทธิภาพและรวดเร็ว ต้องอาศัยภาคเอกชนเป็นตัวนำทั้งสิ้น ไม่ใช่จากองค์กรภาครัฐ

 

ดังนั้นกลไกทางการเงินที่จะสนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมจึงต้องให้ความสำคัญไปกับการช่วยเหลือธุรกิจภาคเอกชนให้มีความสามารถในการพัฒนานวัตกรรมขึ้นเองภายในบริษัทได้ สำหรับเครื่องมือที่ภาครัฐจะนำมาใช้เพื่อสนับสนุนธุรกิจนวัตกรรมนั้น อาจมีได้ทั้งเครื่องมือทางการเงิน และเครื่องมือทางการคลัง

 

เริ่มต้นจากการใช้กลไกทางภาษี เช่น การผ่อนผัน หรือการลดหย่อนภาษีให้กับธุรกิจที่มีการทำนวัตกรรม แต่ก็อาจมีปัญหาในเรื่องของการตัดสินว่า ธุรกิจมีการทำนวัตกรรมจริงหรือไม่ หรือเป็นเพียงการพัฒนาธุรกิจไปตามปกติวิสัยที่ธุรกิจจะต้องแข่งขันกันโดยธรรมชาติอยู่แล้วเท่านั้น และประเด็นที่ว่า ธุรกิจเริ่มใหม่หรือสตาร์ทอัพ และธุรกิจที่ดำเนินการขาดทุนอยู่แล้ว อาจไม่ได้รับความช่วยเหลือส่วนนี้ไปโดยอัตโนมัติ

 

กลไกต่อมา ได้แก่ นโยบายเงินสนับสนุนแบบให้เปล่า ซึ่งอาจสนับสนุนสำหรับโครงการนวัตกรรมในระยะเริ่มต้น โดยภาครัฐอาจกำหนดลำดับความสำคัญของอุตสาหกรรมและประเภทของนวัตกรรมที่จะได้รับความช่วยเหลือไว้อย่างชัดเจน แต่อุปสรรคของกลไกนี้ก็คือ อาจเกิดข้อครหาเกี่ยวกับความยุติธรรมในการให้เงิน หรืออาจลามไปถึงเรื่องของการทุจริตคอร์รัปชัน

 

พฤติกรรมการเติบโตของธุรกิจนวัตกรรมและแหล่งเงินสนับสนุนจากภาครัฐ

 

ยากขึ้นมาอีกนิดหนึ่งก็จะเป็น การสนับสนุนแบบร่วมทุน ในรูปแบบของการเข้ามาร่วมทุนหรือร่วมหุ้นและมีส่วนเป็นเจ้าของบริษัทเหมือนกับผู้ถือหุ้นรายอื่นๆ และอาจมีส่วนเข้ามาติดตามการบริหารงานหรือเข้ามาในรูปของการเป็นกรรมการบริษัท ในกรณีนี้ธุรกิจก็จะได้รับเงินไปก่อน และธุรกิจก็จะดูดี ได้รับความเชื่อถือสูงเพราะภาครัฐเข้ามาถือหุ้นร่วมด้วย

 

อีกกลไกหนึ่งอาจอยู่ในรูปแบบของการจัดหา สินเชื่อธุรกิจ ให้กับธุรกิจนวัตกรรม โดยผ่านสถาบันการเงินหรือองค์การเฉพาะกิจของภาครัฐ ในกรณีนี้ธุรกิจนวัตกรรมอาจจะต้องเสียดอกเบี้ย และต้องคืนเงินต้นในระยะเวลาและเงื่อนไขตามข้อตกลงที่ทำไว้ในสัญญากู้

 

หากผู้ประกอบการธุรกิจนวัตกรรมหรือสตาร์ทอัพไม่มีทุนรอนของตนเองเพียงพอ และไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินสนับสนุนจากภาครัฐได้ ไม่ว่าจะเป็นด้วยเหตุผลใดก็ตาม ก็คงจะต้องหันมาใช้บริการของแหล่งทุนภาคเอกชน ซึ่งอาจเริ่มจากการเข้าไปเสนอโครงการให้กับบริษัทที่ทำธุรกิจร่วมลงทุน ที่มักเรียกกันว่า VC หรือ Venture Capital ซึ่งหาก VC มีความสนใจในนวัตกรรมที่นำเสนอ ก็อาจเข้ามาร่วมลงทุนในลักษณะที่เป็นหุ้นส่วน โดยมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการธุรกิจด้วย

 

ด่านสุดท้ายที่อาจมีความเป็นไปได้น้อยลง ก็คือการขอสินเชื่อหรือกู้เงินจากธนาคารพาณิชย์ ซึ่งอาจต้องเกี่ยวข้องกับการหาหลักทรัพย์ค้ำประกัน และจ่ายดอกเบี้ยในอัตราค่อนข้างสูง เนื่องจากธนาคารพาณิชย์จะเห็นว่าธุรกิจนวัตกรรมมีความเสี่ยงสูง ดังนั้นจึงต้องกำหนดอัตราดอกเบี้ยที่สูงตามด้วย

 

อย่างไรก็ตาม สำหรับการใช้สินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์ ภาครัฐก็ยังมีกลไกที่อาจนำมาช่วยสำหรับการหาหลักทรัพย์ค้ำประกัน โดยคิดค่าบริการเล็กน้อย เช่น การให้บริการของ บสย. หรือบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม เป็นต้น

 

การเลือกใช้แหล่งเงินเพื่อนำมาสนับสนุนธุรกิจนวัตกรรมอาจต้องพิจารณาให้รอบคอบและเลือกใช้แหล่งเงินที่เหมาะสมกับระดับการพัฒนาของธุรกิจ เช่น เงินให้เปล่า หรือเงินทุนประเดิม อาจนำมาใช้ในช่วงต้นๆ ของการพัฒนาธุรกิจ เช่น การวิจัยตลาด การสร้างต้นแบบสินค้า

 

เมื่อธุรกิจเริ่มไปได้บ้างแล้ว อาจขอสินเชื่อเพื่อธุรกิจมาเพื่อบริหารเงินทุนหมุนเวียนให้ธุรกิจเดินไปได้อย่างราบรื่นขึ้น


Mostview

หนุ่มอายุ 25 ปี ใช้ AI สร้างรายได้เกือบ 2 ล้านบาท ใช้เวลาแค่ 2 เดือน

เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ถูกพูดถึงอย่างในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่ามา และคาดการณ์ว่าจะเข้ามามีบทบาทเป็นส่วนหนึ่งของการทำธุรกิจต่อไปในวันข้างหน้า

ธุรกิจอีคอมเมิร์ซมาแรง คนไทยซื้อผ่านแพลตฟอร์ม 67% คาดมูลค่าปี 2567 แตะ 7 แสนล้านบาท

ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผยว่าธุรกิจอีคอมเมิร์ซมาแรงต่อเนื่อง โตแบบฉุดไม่อยู่ ปี 2566 มีมูลค่า 6.34 แสนล้านบาท คาดการณ์ปี 2567 มูลค่าแตะ 7 แสนล้านบาท และปี 2568 มูลค่าทะลุ 7.5 แสนล้านบาท

เปิดธุรกิจที่ได้รับประโยชน์ หากเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เริ่มใช้งาน

ผลสำรวจบอกผู้มีสิทธิ์ใช้เงินดิจิทัลวอลเล็ต จะเลือกใช้จ่ายร้านค้าท้องถิ่น 40% รองลงมาเป็นร้านสะดวกซื้อ เช่น CJ, 7-Eleven 26%

SmartSME Line