วันศุกร์, เมษายน 26, 2567

เทคนิค "การเขียนสัญญา" กับหุ้นส่วนธุรกิจ

by Smart SME, 7 มีนาคม 2562

“สัญญา” เป็นเรื่องของความสมัครใจทั้งสองฝ่ายที่อยากจะเข้ามาทำสัญญากัน โดยมีการพูดจากันในเบื้องต้นว่าถ้าจะมาร่วมหุ้น ลงทุนกัน ควรจะตกลงอะไรกันไว้บ้าง

ทั้งนี้บางคนอาจจะเป็นเพื่อนกัน สนิทกัน เลยคิดว่าใช้ “สัญญาใจ” กันก็ได้ จากนั้นคุยกันไปคุยกันมานานวันไปก็ลืมว่าคุยอะไรกันไว้ สุดท้ายมีเหตุมาทะเลาะกัน ก็ถกเถียงกันอีกว่าไม่ได้ตกลงกันอย่างนั้น ไม่ได้ตกลงกันอย่างนี้ ฉะนั้นการเขียน “สัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร” จะมีข้อดีมากตรงที่ว่าทำให้สองฝ่ายมาตกลงกันตั้งตอนแรกว่า เธอจะลงทุนอะไร ฉันจะลงทุนอะไร แล้วถ้าเราได้กำไรแล้วเราจะแบ่งผลประโยชน์กันอย่างไร เราจะบริหารงานกันอย่างไรดี ตกลงกันให้เรียบร้อย

จากนั้นก็เขียนบันทึกกันไว้ในสัญญา สองฝ่ายอ่านกันให้เข้าใจ ข้อไหนไม่เข้าใจ ถกเถียงกันให้เข้าใจตั้งแต่ต้น แล้วก็เซ็นสัญญาไว้ เพราะเมื่ออนาคตมีเรื่องทะเลาะกันขึ้นมาก็จะสามารถได้หยิบสัญญานี้ขึ้นมาดูได้ว่าได้ตกลงกันแล้วนะตั้งแต่ตอนต้นว่าเป็นอย่างนี้ ก็ต้องเป็นแบบนี้ แท้จริงแล้วก็เป็นเรื่องของสัญญาใจที่ทั้ง 2 ฝ่ายมีให้กันไว้ เพียงแต่เขียนเป็นลายลักษณ์อักษรให้ชัดเจนมากขึ้น เพื่อเป็นการป้องกันการทะเลาะเบาะแว้งกันในอนาคต

ข้อดีอย่างหนึ่งของการเขียนสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร คือเวลาที่ทั้ง 2 ฝ่ายเกิดทะเลาะกันมีการขึ้นศาลกันจริงๆ ยังมีหลักฐานอะไรที่จะสามารถเอามาสืบพยานพิสูจน์ได้ว่าทั้ง 2 ฝ่ายได้ตกลงกันไว้อย่างไรเบื้องต้นกันแน่ บางทีการคุยกันด้วยวาจา คุยกันอยู่สองคนไม่มีบุคคลที่ 3 ที่มารับรู้ด้วยว่า คุณคุยอะไรกันเอาไว้ พอถึงเวลาไปขึ้นศาล เวลาคุณเบิกความ ศาลก็ไม่รู้จะฟังฝ่ายใคร เพราะว่าไปอยู่ 2 คน สุดท้ายก็เลยตัดสินออกไปในลักษณะที่ศาลจะมองไปเอง แต่จริงๆ อาจจะไม่ตรงกับเจตนาลมที่ทั้ง 2 ฝ่ายคุยกันเอาไว้ตั้งแต่ตอนแรก แต่ถ้าเรามีสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร ศาลก็จะเห็นว่าคุณตกลงกันกันอย่างนี้ ศาลก็ต้องบังคับไปตามนี้นะเพราะว่าคุณตกลงกันแบบนี้

หลักสำคัญในการเขียนสัญญาคือ

1. ต้องดูก่อนว่าเราจะทำในสัญญาเรื่องอะไร เป็นกิจกรรม นิติกรรมที่เราทำเป็นเรื่องอะไร เป็นซื้อขาย เป็นจ้างทำของ หรือเป็นเช่าหรือเป็นเรื่องอื่นๆ อันนี้ต้องดูให้ดี แล้วก็เขียนสัญญาตามหมวดกฎหมายในเรื่องนั้นๆ

2. คู่สัญญาที่มาเซ็นกับเราเป็นผู้มีอำนาจหรือเปล่า เพราะว่าถ้าไม่มีอำนาจเซ็นไปกลายเป็นว่าไม่ผูกมัดกับเขา เราก็จะไปเอาเรื่องคดีความกับเขาในอนาคตไม่ได้

3.เรื่องของทรัพย์สินทางปัญญาต่างๆก็ต้องดูให้ดีด้วยว่ามันมีไปเกี่ยวพันด้วยหรือเปล่า

4. เรื่องของการเลิกสัญญา ต้องดูด้วยว่ามีเหตุใดบ้างที่เป็นการผิดสัญญา แล้วเหตุของการเลิกสัญญาเราเลิกกันได้อย่างไรบ้าง ฉะนั้นจะต้องมีทางออกของการที่เรามาผูกมัดกัน และต้องมีทางแก้ว่าถ้าเราจะเลือกแยกจากกันไป เราจะต้องแยกกันยังไง

5.ควรอ่านให้ละเอียดและเข้าใจตรงกันทุกข้อก่อนที่มีการเซ็นสัญญา

สุดท้ายควรให้ทนายความหรือนักกฎหมายช่วยดูรายละเอียดให้ด้วยว่าข้อตกลงของคุณแต่ละข้อ เป็นบังคับได้ตามกฎหมายหรือไม่ มีข้อไหนที่เป็นโมฆะตามกฎหมายหรือเปล่า เป็นการขัดข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรมหรือเปล่า นอกจากนี้ยังช่วยแนะนำได้ก่อนว่าสัญญาที่คุณตกลงกันไว้ มีข้อเสียเปรียบหรือไม่ เพราะหากในอนาคตเกิดการทะเลาะวิวาทกันแล้วคุณเสียเปรียบ ทำให้คุณเสียหายค่อนข้างเยอะ บางทีก็ไม่คุ้มกับธุรกิจที่คุณทำมาตั้งแต่ต้น แล้วคุณจะต้องมาเสียหายเยอะในบั้นปลาย

Tag :

Mostview

หนุ่มอายุ 25 ปี ใช้ AI สร้างรายได้เกือบ 2 ล้านบาท ใช้เวลาแค่ 2 เดือน

เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ถูกพูดถึงอย่างในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่ามา และคาดการณ์ว่าจะเข้ามามีบทบาทเป็นส่วนหนึ่งของการทำธุรกิจต่อไปในวันข้างหน้า

เปิดธุรกิจที่ได้รับประโยชน์ หากเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เริ่มใช้งาน

ผลสำรวจบอกผู้มีสิทธิ์ใช้เงินดิจิทัลวอลเล็ต จะเลือกใช้จ่ายร้านค้าท้องถิ่น 40% รองลงมาเป็นร้านสะดวกซื้อ เช่น CJ, 7-Eleven 26%

ธุรกิจอีคอมเมิร์ซมาแรง คนไทยซื้อผ่านแพลตฟอร์ม 67% คาดมูลค่าปี 2567 แตะ 7 แสนล้านบาท

ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผยว่าธุรกิจอีคอมเมิร์ซมาแรงต่อเนื่อง โตแบบฉุดไม่อยู่ ปี 2566 มีมูลค่า 6.34 แสนล้านบาท คาดการณ์ปี 2567 มูลค่าแตะ 7 แสนล้านบาท และปี 2568 มูลค่าทะลุ 7.5 แสนล้านบาท

SmartSME Line