หลังจากที่ Smartsme ได้นำเสนอข่าว ซึ่งกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ออกมาแนะนำให้ผู้ประกอบการไทย ส่งออก สินค้าประเภทอาหารสำเร็จรูป ซึ่งเป็นอาหารไทยในรูปแบบของอาหารอุ่นร้อน โดย นายสกรรจ์ แสนโสภา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองหนานหนิง สาธารณรัฐประชาชนจีน

โดยได้เปิดเผยถึงข้อมูลว่า ทิศทางอาหารอุ่นร้อนด้วยตนเองในประเทศจีน นั้นมีแนวโน้มที่ดี และได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันตลาดอาหารอุ่นร้อนด้วยตนเองยังมีมูลค่าตลาดมากกว่า 3,000 ล้านหยวน มีอัตราการเติบโตมากกว่า 20% ต่อปี

ซึ่งอาจจะเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่สดใสสำหรับผู้ประกอบการไทยที่ประกอบธุรกิจด้านการแปรรูปอาหารสำเร็จรูป

ผลิตภัณฑ์อาหารอุ่นร้อนด้วยตัวเอง อาหารประเภทนี้ถูดเรียกว่า MREs หรือ Meal, Ready to Eat ซึ่งใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า Self heating packaging หรือ Flameless Ration Heaters (FRH) คือ บรรจุภัณฑ์ที่สามารถอุ่นร้อนได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องใช้เปลวไฟ และไม่ต้องพึ่งพาไมโครเวฟ แต่อาศัยการเกิดปฏิกิริยาทางเคมีแทน

สำหรับจุดกำเนิดของนวัตกรรมอาหารดังกล่าว มาจากการเริ่มคิดค้นอาหารที่ใช้บริโภคในยามฉุกเฉิน เกิดวิกฤตการณ์ หรือสถานการณ์ภัยพิบัติต่างๆ ทำให้ภาวะที่ขาดแคลนอาหาร หรือเป็นถุงยังชีพของทหารในภาวะสงคราม รวมทั้งเป็นนวัตกรรมอาหารเพื่อนักบินอวกาศ ก่อนจะมีการนำมาพัฒนาเป็นนวัตกรรมอาหาร เพื่อตอบสนองความต้องการในยุคปัจจุบัน สำหรับนักท่องเที่ยว และเพื่อตอบรับกับสภาพสังคมที่เร่งรีบในยุคปัจจุบัน

ทั้งนี้ รูปแบบปฏิกิริยาเคมีที่ใช้จะแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ คือ ปฏิกิริยาคายความร้อนของสาร CaO และสารประกอบ Mg-Fe โดยในรูปแบบแรกจะใช้ แคลเซียมออกไซด์ (CaO) หรือว่า “ปูนขาว” ร่วมทำปฏิกิริยากับน้ำเปล่า ทำให้เกิดความร้อน แบบนี้จะให้ความร้อนที่สูงและเป็นที่นิยมในประเทศญี่ปุ่นและจีน

ส่วนแบบที่ 2 จะใช้เหล็กกับแมกนีเซียม และน้ำเกลือ โดยน้ำเกลือจะซึมเข้าไปผ่านซองที่บรรจุสารเคมี และทำปฏิกิริยาทำให้เกิดความร้อน ซึ่งส่วนใหญ่จะนิยมใช้ในกองทัพ

อย่างไรก็ตาม ความน่าวิตกกังวลของนวัตกรรมดังกล่าวคือ ระบบการขนส่ง ที่จะต้องมีความระมัดระวังสูง เนื่องจากสารเคมีสามารถทำปฏิกิริยากับน้ำเปล่า และความชื้นได้ไว นอกจากนี้สารเคมีดังกล่าวยังสามารถจุดชนวนได้ด้วยความร้อน และประกายไฟ นี่คือสิ่งควรระวังสำหรับผู้ประกอบการไทยที่มีแนวความคิดที่จะผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์ดังกล่าว