Starbucks ประมาณการว่าผลประกอบการในไตรมาส 2 ของปี 2020 บริษัทจะขาดทุนราว 915 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งผลให้มีการเจรจากับเจ้าของที่เพื่อชะลอจ่ายค่าเช่าปีหน้าออกไป

ร้าน Starbucks ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จากการที่ผู้คนต้องอยู่บ้านมากขึ้น รวมถึงร้านไม่สามารถให้บริการได้อย่างปกติ โดยต้องลดชั่วโมงการเปิดลง เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เหล่านี้ส่งผลต่อรายได้ของธุรกิจที่ลดลง

นอกจากนี้ Starbucks ยังให้การช่วยเหลือแก่บาริสต้าที่ต้องจ่ายค่าแรงเพิ่มขึ้น และต้องจัดหาอุปกรณ์เกี่ยวกับความปลอดภัย เช่น หน้ากาก ให้อีกด้วย

Pat Grismer ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของ Starbucks กล่าวว่า Starbucks คือเชนร้านกาแฟที่มีสาขามากที่สุดในประเทศ และมีการเก็บค่าเช่าเรื่อยมา แต่การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 คาดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการชำระเงินตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน โดยบริษัทได้แจ้งกับเจ้าของที่ดินว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงสัญญาเช่าอย่างน้อย 12 เดือน

โดยในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา Pat Grismer ได้เข้าพูดคุยกับเจ้าของที่หลายแห่ง เพื่อเจรจาทำข้อตกลงทางธุรกิจในเรื่องสัญญาเช่าที่เป็นธรรมกันทั้งสองฝ่าย

ด้าน Karen Webster ซีอีโอของ PYMNTS มองถึงเรื่องนี้ว่า ลูกค้าต้องมีความรู้สึกปลอดภัยเมื่อเดินทางออกไปข้างนอก มีความมั่นใจว่าจะไม่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ก่อนตัดสินใจจะไปใช้ชีวิตอย่างอิสระอีกครั้ง ดังนั้นธุรกิจต้องเชื่อมั่นว่าลูกค้าจะกลับมา เพื่อฟื้นฟูธุรกิจให้กลับมาอีกครั้ง

ที่มา: pymnts

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

• Starbucks ทยอยเปิดร้านชูกลยุทธ์ Now Normal ทำสาขาให้เป็นบ้านหลังที่สาม