บริษัทเล็ก VS บริษัทใหญ่ เลือกทางไหนดี ข้อแตกต่างมีอะไรบ้าง?
by Smart SME, 25 พฤศจิกายน 2563
ถ้าวันหนึ่งคุณต้องเลือกเข้าทำงานกับบริษัทแห่งหนึ่งคุณจะเลือกทางไหน? ระหว่างบริษัทใหญ่ กับ บริษัทเล็ก เชื่อว่ามีหลายคนที่ยังตอบไม่ได้ และรู้สึกลังเล ซึ่งถ้าถามถึงความแตกต่างแน่นอนว่าบริษัททั้ง 2 มีความความแตกต่างกันอยู่แล้ว มีข้อดี ข้อเสียสลับกันไป จริงๆ ไม่ได้มีเจตนาเปรียบเทียบ แต่อยากให้ทุกคนมองเห็นข้อแตกต่าง จะได้ตัดสินใจได้ถูกว่าจะเลือกทางไหนดี มาดูกันว่าบริษัททั้ง 2 ขนาดมีอะไรที่แตกต่างกันบ้าง
การแข่งขันในการทำงาน
บริษัทใหญ่ : สิ่งหนึ่งที่คุณจะพบเจอแน่ ๆ เมื่อเข้าไปทำงานในบริษัทขนาดใหญ่ นั่นก็คือการแข่งขันที่สูง เพราะบริษัทขนาดใหญ่จะมีพนักงานจำนวนมาก แต่ตำแหน่งที่สูงขึ้นไปมีจำนวนน้อย ทำให้เกิดการแข่งขันระหว่างพนักงานด้วยกันเอง ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อมีการแข่งขันคำว่ามิตรภาพก็ดูจะเป็นเรื่องที่หาได้ยาก
บริษัทเล็ก : เมื่อบริษัทเล็ก พนักงานก็จะน้อย ทำให้การแข่งขันไม่สูง สิ่งสำคัญคือการแข่งขันกับตัวเอง ต้องพัฒนาตัวเองอยู่ตลอด เพราะบางคนพอรู้สึกว่าไม่ต้องไปแข่งกับใครก็จะเอื่อยเฉื่อย ไม่พัฒนาตัวเอง
ความมั่นคงและความก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่
บริษัทใหญ่ : มีความมั่นคงสูง และมีโอกาสเลื่อนตำแหน่งค่อนข้างยาก เพราะมีการแข่งขันสูง แต่ถ้าคุณมั่นใจ มีความสามารถ และพร้อมพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดก็ไม่ใช่เรื่องยาก
บริษัทเล็ก : มีโอกาสเสี่ยงสูง เพราะบริษัทเล็ก ๆ จะมีความมั่นคงน้อยกว่า แต่โอกาสในการเลื่อนตำแหน่งมีมาก เพราะมีการแข่งขันน้อย พนักงานไม่มาก
เงินเดือนและสวัสดิการต่าง ๆ
บริษัทใหญ่ : ส่วนใหญ่บริษัทใหญ่ ๆ จะมีฐานเงินเดือนเริ่มต้นที่สูงกว่าบริษัทเล็ก เมื่อเทียบในตำแหน่งงานเดียวกัน และมีสวัสดิการต่าง ๆ ที่เป็นแบบแผน เป็นมาตรฐาน เพื่อรองรับพนักงาน เช่น ประกันสังคม การเบิกสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลพ่อแม่ การเบิกสวัสดิการค่าเทอมบุตร เป็นต้น และยังมีมาตรฐานในการจ่ายโบนัสด้วย
บริษัทเล็ก : ไม่ใช่บริษัทเล็กทั้งหมดที่จะมีฐานเงินเดือนต่ำกว่าบริษัทใหญ่ ๆ แต่ส่วนมากจะเป็นแบบนั้น ด้วยปัจจัยหลาย ๆ อย่าง ทั้งภาระงานหรือการแข่งขัน แต่ก็ไม่ได้แตกต่างกันมากเท่าไหร่ บริษัทเล็กอาจจะมีสวัสดิการที่น้อยกว่าบางที่อาจจะมีแค่ ประกันสังคมเพียงอย่างเดียว
ค่าคอมมิชชั่น
บริษัทใหญ่ : บริษัทใหญ่ ๆ จะมีการจ่ายค่าคอมมิชชั่นที่รัดกุม มีความยุ่งยากในการคิดคำนวณ เพราะทุกอย่างต้องตรง มีมาตรฐานในการคำนวณที่ชัดเจน เช่น คิดจากฐานเงินเดือน เป็นต้น ซึ่งจะไม่ใช่ค่าคอมมิชชั่นที่สูง เพราะต้องแบ่งกระจายสำหรับหลายคน
บริษัทเล็ก : ตรงกันข้าม บริษัทเล็ก ๆ จะมีการคำนวณค่าคอมมิชชั่นที่ไม่ซับซ้อน เข้าใจง่าย เช่น คิดจากกำไรประจำปี ขายได้เท่าไหร่ ก็ได้เปอร์เซ็นค่าคอมมิชชั่นเท่านั้น ถ้าคุณขยันบางทีค่าคอมอาจจะมากกว่าเงินเดือนด้วยซ้ำ
มิตรภาพ ความสัมพันธ์ภายในบริษัท
บริษัทใหญ่ : บริษัทขนาดใหญ่ จำนวนพนักงานมาก ความใกล้ชิด ความสัมพันธ์ระหว่างพนักงานจึงมีน้อย บางคนทำงานที่เดียวกันมาหลายปี อาจไม่เคยเจอหน้ากันด้วยซ้ำ อีกทั้งยังมีการแข่งขันสูง การทำงานในบริษัทใหญ่ๆ จึงหาความสัมพันธ์ที่ดีไม่ค่อยได้ แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเลย
บริษัทเล็ก : คนน้อย ความใกล้ชิดก็จะมีมาก บริษัทเล็กๆ หลายที่จึงมีความสัมพันธ์ในรูปแบบของครอบครัว เพราะรู้จักกันหมด ทำงานด้วยกันตลอด พบเจอกันทุกวัน ถ้าใครที่ไม่ได้ชอบการแข่งขัน ชอบความเป็นครอบครัวบริษัทเล็กจะน่าอยู่กว่า
กฎระเบียบ และความยืดหยุ่นในการทำงาน
บริษัทใหญ่ : บริษัทใหญ่ๆ ความยืดหยุ่นในการทำงานมีน้อย มีกฎระเบียบที่ชัดเจน ตายตัว สายคือสาย หรือถ้ามีข้อผิดพลาดอาจโดนบทลงโทษในทันทีไม่มีการตักเตือน ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของบริษัทนั้นๆ
บริษัทเล็ก : บริษัทขนาดเล็กมักจะไม่มีกฎระเบียบมาเท่าไหร่นัก เป็นการทำงานแบบสบายๆ มากกว่า มีความยืดหยุ่นสูง ยิ่งถ้าเป็นบริษัทที่มีเจ้าของลงมาดูแลเองก็จะยิ่งดี เพราะถ้ามีปัญหาอะไรก็สามารถปรึกษาได้เลย
ไม่ว่าจะเป็นบริษัทขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ ต่างก็มีข้อดี ข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป ถ้าถามว่าแบบไหนดีกว่าคงตอบได้ยาก เลือกที่คุณคิดว่าเหมาะสมกับคุณจะดีกว่า ได้ทำงานในที่ที่สบายใจน่าจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุด
Mostview
นวัตกรรมชีวเคมี นำแบคทีเรียสร้างเซลลูโลส ส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน
นักวิจัยจากจุฬาฯ สร้างนวัตกรรม ‘เซลลูโลส’ จากแบคทีเรีย ทดแทนการนำเข้านับหมื่นล้านบาท ช่วย เศรษฐกิจหมุนเวียน และเป็น zero waste ภายใต้สิทธิบัตร ‘เซลโลกัม’
SOURCE Global บริษัทผู้ใช้แผงโซลาร์เซลล์เปลี่ยนอากาศให้กลายเป็นน้ำดื่ม แก้ปัญหาขาดแคลนน้ำ
ท่ามกลางอากาศที่แห้งแล้งในทะเลทรายของลาสเวกัส ดูเหมือนจะเป็นเรื่องยากกับการแหล่งน้ำที่มีความอุดมสมบูรณ์รอบบริเวณที่มีอยู่ โดยทางตอนใต้ของเนวาดากำลังเผชิญภัยแล้งที่เลวร้ายที่ครั้งในประวัติศาสตร์ที่ต้องบันทึกไว้ จนนำไปสู่การขาดแคลนน้ำ และข้อจำกัดในการใช้
Asahi เพิ่มการผลิตเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์ ชูเป็นสินค้าหลัก หลังคนญี่ปุ่นดื่มเบียร์น้อยลง
Asahi แบรนด์ผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เตรียมดันการผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้มากขึ้นกว่าเดิม หวังสร้างยอดขายในสัดส่วน 50% ภายในปี 2040