ซาอุดีอาระเบียทำเงินได้ประมาณ 1,000 ล้านดอลลาร์ต่อวันจากการส่งออกน้ำมัน เนื่องจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่พุ่งสูงขึ้น

ตามรายงานของ สำนักงานสถิติซาอุดีอาระเบีย ระบุว่าการส่งออกน้ำมันออกจากราชอาณาจักรมีมูลค่าคิดเป็น 3 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือน มี.ค. โดยการผลิตน้ำมันดิบได้เพิ่มขึ้นเป็น 10.3 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนดังกล่าว ซึ่งราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 112 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สร้างกำไรเกือบ 1 พันล้านดอลลาร์ต่อวัน เพิ่มขึ้น 123% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และเฉพาะปีนี้เท่านั้นราคาได้เพิ่มขึ้น 50%

สาเหตุที่ทำให้น้ำมันในตลาดโลกพุ่งสูงอย่างรวดเร็วเกิดขึ้นท่ามกลางความไม่สงบจากการรุกรานยูเครนของรัสเซียที่ดำเนินมานานกว่า 3 เดือน ซึ่งสร้างความสั่นสะเทือนให้กับตลาดทั่วโลก รวมถึงน้ำมันดิบ

แม้ว่าจะมีภาวะสงคราม และการหลีกเลี่ยงการส่งออกน้ำมันของรัสเซียไปยังชาติตะวันตก แต่ทางด้านกลุ่มประเทศ OPEC+ ตัดสินใจที่จะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันในอัตราเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และเป็นไปไม่ได้ที่จะเข้ามาเติมช่องว่างที่ขาดหายของน้ำมันจากรัสเซียที่จะส่งไปยังสหภาพยุโรป (EU)

อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ และประเทศอื่น ๆ ต่างออกมากดดันให้ซาอุดีอาระเบียผลิตน้ำมันเพิ่ม แต่ผลผลิตน้ำมันที่พอประมาณ และราคาที่เพิ่มสูงขึ้นส่งผลรับที่ก่อให้เกิดกับราชอาณาจักรอย่างมหาศาล ที่สามารถผ่านงบประมาณเกินดุล 57.5 พันล้านริยัล ระหว่างเดือนมกราคมถึงมีนาคม

สอดคล้องกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ที่เผยว่าซาอุดีอาระเบียเป็นหนึ่งในประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลกในปีนี้ แม้ว่าจะเศรษฐกิจของซาอุดีอาระเบีย แต่รัฐมนตรีพลังงานออกมาเตือนว่าเดือนนี้กำลังการผลิตพลังงานทุกภาคส่วนทั่วโลกลดน้อยลง ท่ามกลางความต้องการน้ำมัน และผลิตภัณฑ์กลั่นที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

ที่มา: worldoil, middleeastmonitor