วันจันทร์, เมษายน 29, 2567

ไขข้อสงสัย ทำไม Apple สวนกระแส ไม่ปลดพนักงาน

by Smart SME, 28 มกราคม 2566

ในช่วงที่ผ่านมาเราจะเห็นข่าวอยู่เรื่อย ๆ ว่ามีบริษัทยักษ์ใหญ่หลายเจ้าสั่งปลดพนักงานอย่างต่อเนื่อง แต่บริษัท Apple ที่เป็นยักษ์ใหญ่ในด้านเทคโนโลยี และเป็นเพียงแห่งเดียวที่ยังไม่สั่งปลดพนักงาน ในขณะที่บริษัทใหญ่เช่น Amazon, Microsoft, Meta ได้มีการปลดพนักงานเกือบแสนคน

ทำไม Apple ถึงยังไม่มีการปลดพนักงาน เรามาลองดูกัน แต่ถ้าจะให้เห็นภาพง่าย ๆ ลองดูจากอัตราการจ้างงานของแต่ละบริษัทในระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมาดังนี้

- Microsoft ปัจจุบันมีพนักงานทำงานเต็มเวลาจำนวน 221,000 คน ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 58,000 คนในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา

- Meta จ้างพนักงานเพิ่มขึ้นถึง 13,000 คน ซึ่งถือเป็นจำนวนพนักงานที่ Meta จ้างมากที่สุดที่เคยจ้างมา ในช่วง2ปี

- Amazon ช่วงสิ้นปีของ พ.ศ.2564 มีพนักงานจำนวน 1.6 ล้านคน ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 300,000 คน ในช่วงเวลาเพียง 1 ปี

แต่ในทางกลับกัน Apple มีอัตราจ้างงานที่เพิ่มขึ้นน้อยมากมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2559 และในปัจจุบันนี้ Apple มีพนักงานทั้งหมด 164,000 คน ซึ่งเพิ่มขึ้นเพียง 17,000 คน

และนี่จะทำให้เราเห็นได้เลยว่า Apple มีอัตราการขยายตัวตามปกติ ไม่ได้ตื่นเต้นไปกับการเติบโตของธุรกิจ จึงไม่จำเป็นที่จะต้องมีการปลดพนักงานแต่อย่างได้ แต่ก็ต้องรอดูกันต่อไป ว่าในยุคที่เศรษฐกิจเป็นแบบนี้ จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร

ที่มา: bizjournals


Mostview

เปิดธุรกิจที่ได้รับประโยชน์ หากเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เริ่มใช้งาน

ผลสำรวจบอกผู้มีสิทธิ์ใช้เงินดิจิทัลวอลเล็ต จะเลือกใช้จ่ายร้านค้าท้องถิ่น 40% รองลงมาเป็นร้านสะดวกซื้อ เช่น CJ, 7-Eleven 26%

ปิดแล้ว! ร้าน Lawson ฉากหลังภูเขาฟูจิ หลังนักท่องเที่ยวไม่ทำตามกฏ ทิ้งขยะเกลื่อน

อีกหนึ่งจุดถ่ายภาพเวลานักท่องเที่ยวไปภูเขาฟูจิที่ประเทศญี่ปุ่น นั่นคือพื้นที่ร้านสะดวกซื้อ Lawson ที่มีฉากหลังเป็นภูเขาฟูจิ ที่เรียกว่าเป็นแลนด์มาร์คที่ใครมาต้องมาถ่ายรูปให้ได้ แต่ตอนนี้กำลังจะเหลือเพียงความทรงจำ กลายเป็นอดีต

สิงคโปร์ แจกเงินละ 8,000 บาท ให้ 1.1 ล้านครัวเรือนไปซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า-ประปา ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

จากสถานการณ์โลกร้อนทำให้หลายประเทศกลับมาตระหนักถึงเรื่องนี้กันมากยิ่งขึ้น ทำอย่างไรที่จะออกนโยบายที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทำให้ประชาชนตระหนักถึงเรื่องนี้เป็นอันดับต้น ๆ

จับตาราคา “เนย” เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ในตลาดโลกใกล้แตะระดับสูงสุดเท่าทีเคยมีมา

ไม่ใช่ “โกโก้” เท่านั้นที่ราคาพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์จากปัจจัยเรื่องของสภาพอากาศที่เลวร้าย และโรคที่มากับพืชจนส่งผลกระทบต่อแหล่งเพาะปลูก ทำให้ได้ผลผลิตน้อย นำมาสู่การปรับราคาของสินค้าที่มี “โกโก้” เป็นส่วนผสม ซึ่งคาดการณ์ว่าราคาจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ

SmartSME Line