วันศุกร์, พฤษภาคม 3, 2567

ส่อง 4 KINGS "ร้านสะดวกซื้อ" ใกล้บ้านคุณ แบรนด์ไหนสินค้าเยอะ น่าซื้อน่าลงทุน

by Smart SME, 6 กันยายน 2566

ใกล้โบกมือลาเต็มที สำหรับ Family Mart หรือ “แฟมิลี่ มาร์ท” ร้านสะดวกซื้อสัญชาติญี่ปุ่นที่คนไทยคุ้นเคย โดยเปิดให้บริการในเมืองไทยมากว่า 30 ปี เหตุเพราะต้นสังกัดไม่ต่อสัญญา ทำให้เราคนไทยทุกคน จะยังเห็นและยังเข้าไปอุดหนุน ซื้อสินค้าใน แฟมิลี่ มาร์ท ได้จนถึงสิ้นปี พ.ศ.2566 นี้ ก่อนจะถูกแทนที่ด้วย ร้านสะดวกซื้ออีกแบรนด์

เมื่อเกริ่นถึงธุรกิจร้านสะดวกซื้อทันสมัย ขึ้นมาเช่นนี้ แอดฯ เชื่อเหลือเกินว่า หลายคนต้องเคยสงสัยว่า ทำไมร้านสะดวกซื้อ ถึงเปิดกันแบบถี่ยิบ ๆ บางสถานที่เปิดกันแบบดักหัวซอย กลางซอย ท้ายซอย เปิดตรงข้ามถนน ทั้ง ๆ ที่เป็นแบรนด์เดียวกันด้วยนะ ซึ่งยังไม่นับรวมแบรนด์อื่น ๆ ที่พาเหรดเปิดกันชนิดที่เรียกว่า มีพื้นที่ว่างตรงไหน ก่อสร้างร้านสะดวกซื้อใหม่ขึ้นมาทันที !

อันที่จริง เป็นเรื่องที่ดี สำหรับผู้บริโภคกลุ่มพ่อบ้านแม่บ้าน หรือที่เป็นกลุ่มสายกิน สายนอนดึก สามารถเดินมาจับจ่ายกันได้ตลอดทั้งคืน สมชื่อ “ร้านสะดวกซื้อ 24 ชม.” จริง ๆ แต่อีกมุมหนึ่งของผู้ประกอบการหรือนักลงทุน รู้เลยว่า บรรยากาศของการแข่งขันและฟาดฟันในเรื่อง Market Share จะต้องรุนแรงอย่างแน่นอน

ไอ้เราก็เป็นแค่ผู้บริโภคซะด้วยสิ ! จริง ๆ ก็เข้าไปอุดหนุนและใช้บริการร้านสะดวกซื้อใกล้บ้าน ใกล้ที่พักทุก ๆ แบรนด์ที่มีนั่นล่ะ ตามแต่ฤกษ์สะดวกของตัวเอง โดยหากเพื่อน ๆ เคยสังเกตจะทราบว่า สินค้าแต่ละรายการบางประเภท บางยี่ห้อที่เราต้องการจะซื้อ บางตัวอาจมีที่ร้านสะดวกแห่งนี้เท่านั้น และการตั้งราคาก็แตกต่างกันด้วยนะ รวมถึงบริการที่เป็นจุดเด่น เป็น Signature ของแต่ละแบรนด์ ซึ่งก็แตกต่างกันไปด้วยเช่นกัน

วันนี้ Smart SME ถือโอกาสประมวลข้อมูลการเติบโตของแบรนด์ร้านสะดวกซื้อ 24 ชม. หรือร้านสะดวกซื้อทันสมัย ที่ปัจจุบันมีหลายแบรนด์ และเปิดให้บริการทุก ๆ Location ทุกมุมเมือง ทุกตรอกซอกซอย ตลอดจน จุดเด่นจุดด้อยของแต่ละแบรนด์นั้นมีกลยุทธ์อะไรที่งัดออกมานำเสนอกลุ่มลูกค้ากันบ้าง

รวมถึงแนะนำจุดเด่นและบริการที่น่าสนใจ สำหรับนักลงทุน หรือผู้ที่สนใจที่อยากลงทุนเปิดร้านสะดวกซื้อในรูปแบบแฟรนไชส์ ควรเลือกลงทุนกับแบรนด์ไหนดี ที่ Service Mind บริการหลังการขายที่ดี มีระบบที่ได้มาตรฐาน ตอบโจทย์ความคุ้มค่าให้กับคุณ เพื่อให้สาขาที่คุณบริหารมียอดขายที่เติบโตขึ้นทุกปีไปพร้อม ๆ กับบริษัทแม่ที่คุณเลือกที่จะเป็นพาร์ทเนอร์ด้วย


เซเว่นอีเลฟเว่น

 

 

บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน)

ระยะเวลาก่อตั้งและเปิดให้บริการ : 34 ปี (เปิดครั้งในไทย ปี พ.ศ.2532 หรือ ปี 1989)

จำนวนสาขา : 13,838 สาขาทั่วประเทศ (รวมทั้งของพาร์ทเนอร์และของบริษัทแม่)

สรุปรายได้ : ปี 2565 รายได้รวม 3.2 แสนล้านบาท

สรุปผลกำไร : ปี 2565 กำไรรวม 9 พันล้านบาท

จุดเด่น

  • การบริหารของผู้นำและทีมงานอย่างมีประสิทธิภาพ
  • ใช้จุดแข็งขององค์กร โดยเน้นการให้บริการทุกระดับประทับใจ
  • การคัดเลือกสินค้าที่มีคุณภาพ และถูกใจลูกค้าทุกกลุ่ม
  • การมีสาขามากมายครอบคลุมทำเลทองทุกจุดและมีการขยายสาขาอย่างไม่หยุดยั้ง
  • การลดต้นทุนและเพิ่มยอดจำหน่ายโดยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่มาใช้ในองค์กร

จุดด้อย

  • สินค้าบางรายการ มีราคาสูงกว่าเล็กน้อย เมื่อเทียบกับห้างฯ หรือโมเดิร์นเทรดทั่วไป
  • ช่วงเวลาเร่งด่วน ลูกค้าต่อคิวยาว เนื่องจากได้รับความนิยมจากทุกกลุ่มผู้บริโภคเลือกเข้าใช้บริการ

รูปแบบแฟรนไชส์: Store Business Partner มีรูป TYPE การลงทุน ได้แก่
TYPE 1 ค่าใช้จ่ายเปิดร้าน 480,000 บาท เงินประกันความเสียหาย 1,000,000 บาท รวม 1,480,000 ล้านบาท ระยะเวลาทำสัญญา 6 ปี
TYPE 2 ค่าใช้จ่ายเปิดร้าน 1,730,000 บาท เงินประกันความเสียหาย 900,000 บาท รวม 2,630,000 ล้านบาท ระยะเวลาทำสัญญา 10 ปี

กลยุทธ์ขยายธุรกิจ

  • เน้นสร้างสาขาใหม่ที่มีพื้นที่จอดรถกว้างขึ้น สะดวกขึ้น
  • เน้นขายสินค้าส่งต่อผู้บริโภค (Consumer Product) ผ่านช่องทาง 7Delivery (Apps เซเว่น) ทำให้มียอดขายสัดส่วนโตเพิ่มขึ้นอีก 10% จากการขายหน้าร้านแบบปกติ

 


Tops daily (ท็อปส์ เดลี่)

 

 

บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด

ระยะเวลาก่อตั้งและเปิดให้บริการ : 27 ปี (เริ่มเปิดบริการครั้งแรก ปี พ.ศ.2539)

จำนวนสาขา : 466 สาขาทั่วประเทศ

สรุปรายได้ : ปี 2565 รายได้รวม 3.9 หมื่นล้านบาท

สรุปผลกำไร : ปี 2565 กำไรรวม 4.6 ร้อยล้านบาท

จุดเด่น 

  • รวบรวมสินค้านำเข้า และคัดเกรดพรีเมียม เป็นสินค้าเอ็กซ์คลูซีฟ แบรนด์ดังจากทั่วโลก

จุดด้อย 

  • สาขาเปิดให้บริการยังมีจำนวนไม่มาก โดยเปิดเฉพาะกรุงเทพฯ ปริมณฑล ต่างจังหวัดในหัวเมืองใหญ่ ๆ และขึ้นห้างฯ เท่านั้น
  • สินค้าราคาสูงกว่าคู่แข่งโดยทั่วไป เนื่องจากคัดสรรแบรนด์และคุณภาพของสินค้าโดยเฉพาะ

รูปแบบแฟรนไชส์ : ยังไม่มีแฟรนไชส์ในปัจจุบัน เนื่องจากบริหารโดย บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด แต่อนาคตมีลุ้น หลังจากบริษัทฯ ถือครองแฟมิลี่มาร์ทในไทย 100% อาจมีการปรับโฉมใหม่ (ต้องรอติดตาม)

กลยุทธ์ขยายธุรกิจ : รีแบรนด์ พร้อมยกระดับความเป็นฟูดสโตร์ไปอีกขั้น ที่มีความครบครันของสินค้าจากแหล่งผลิตที่ดีที่สุดจากทั่วโลก ทั้งในและต่างประเทศ พร้อมมอบประสบการณ์ให้แก่ลูกค้าทุกคนให้ดีมากขึ้นกว่าเดิม

CJ Express (ซีเจ ซูเปอร์มาร์เก็ต)

 

 

บริษัท ซี.เจ.เอ็กซ์เพรส กรุ๊ป จำกัด

ระยะเวลาก่อตั้งและเปิดให้บริการ : 18 ปี (เริ่มเปิดบริการครั้งแรก ปี พ.ศ.2548)

จำนวนสาขา : 825 สาขาทั่วประเทศ

สรุปรายได้ : ปี 2565 รายได้รวม 2.9 หมื่นล้านบาท

สรุปผลกำไร : ปี 2565 กำไรรวม 1.3 พันล้านบาท

จุดเด่น 

  • เน้นสินค้าอุปโภคบริโภคราคาประหยัด (ให้ความรู้สึกเหมือนร้านโชห่วยติดแอร์ ที่ดูดีมากขึ้น)
  • มีเชลฟ์นายน์ บิวตี้ (Nine Beauty) โซนเครื่องสำอาง และความงาม จำหน่ายด้วย
  • บาว คาเฟ่ (Bao Café) มีแบรนด์กาแฟในซูเปอร์ฯ เป็นของตัวเอง คงคอนเซ็ปต์ร้านกาแฟสดใกล้บ้าน ภายใต้แนวคิด “รสชาติถูกปาก ราคาถูกใจ” แฝงกลิ่นอายความเป็นกาแฟของคนไทย ในราคาที่เป็นมิตรกับลูกค้าทุกเพศทุกวัย และยังมีเมนูเครื่องดื่มอื่น ๆ ที่หลากหลายในรสชาติสุดเข้มข้น เสิร์ฟพร้อมเมนูขนมปังปิ้งที่เน้นคุณภาพและบริการสุดประทับใจฃ

จุดด้อย :

  • สินค้าบางรายการยังไม่มีจำหน่าย เมื่อเทียบกับแบรนด์ผู้นำ
  • ต้องให้เวลาในการขยายแบรนด์ โดยเริ่มแรกมุ่งเน้นขยายตลาดตามต่างจังหวัดก่อน แล้วค่อย ๆ ตีป่าล้อมเมือง เข้ามารอบ ๆ กรุงเทพฯ ปริมณฑล และโซนภาคกลาง เนื่องจากคู่แข่งรายใหญ่มีจำนวนเยอะ

รูปแบบแฟรนไชส์: อยู่ในช่วง R&D วางแผนขยายธุรกิจ ซึ่งอนาคตอันใกล้เราอาจจะได้เห็น CJ Express ในรูปแบบการเปิดโอกาสและมองหาพาร์ทเนอร์เข้ามาร่วมลงทุน

กลยุทธ์ขยายธุรกิจ

  • เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าผู้มีรายได้น้อย เข้ามาเลือกซื้อสินค้าได้ในราคาประหยัด
  • จัดโปรโมชั่นบ่อย ๆ หมุนเวียนสินค้าลดราคาอย่างต่อเนื่อง
  • ให้กลิ่นอาย ร้านมินิมาร์ทที่อยู่กลมกลืนและเคียงข้างทุกชุมชน

 

Lawson108 (ลอว์สัน108)

 

 

บริษัท สห ลอว์สัน จำกัด

ระยะเวลาก่อตั้งและเปิดให้บริการ : 10 ปี (เริ่มเปิดบริการครั้งแรก ปี พ.ศ.2556)

จำนวนสาขา : 259 สาขาทั่วประเทศ

สรุปรายได้ : ปี 2565 รายได้รวม 2.2 พันล้านบาท

สรุปผลกำไร : ปี 2565 รายได้รวม (ติดลบ) -68 ล้านบาท

จุดเด่น 

  • การนำเสนอสินค้าคุณภาพอันหลากหลาย มีทั้งเมนูอาหารพร้อมทาน และเบเกอรีสูตรเฉพาะ ที่วางขายที่ Lawson 108 เท่านั้น เช่น โอเด้งร้อน ๆ พร้อมทาน (ถูกใจแอดฯ มาก)
  • วัตถุดิบที่นำเข้าจากต่างประเทศ นอกจากนี้ ร้านยังได้รับ Know-How และระบบหลังบ้านต่าง ๆ จาก Lawson ประเทศญี่ปุ่น มาใช้ในการบริหารร้านค้าและบริการลูกค้า

จุดด้อย

  • สาขายังมีจำนวนน้อย
  • อาหารพร้อมทาน และสินค้าในร้านตัวเลือกยังน้อย
  • การให้บริการของพนักงานแต่ละสาขายังไม่ค่อยมีระบบและมาตรฐานสักเท่าไหร่
    รูปแบบแฟรนไชส์ : ยังไม่มีนโยบายขายแฟรนไชส์ในปัจจุบัน

กลยุทธ์ขยายธุรกิจ 

  • มุ่งเน้นสร้างความแตกต่างด้านวิธีการนำของสินค้าในร้านให้หลากหลาย แตกต่างจากแบรนด์อื่น ๆ และให้ตรงกลุ่มเป้าหมายซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นวัยทำงานที่อยู่ในเมืองหลวง อายุราว 20 ต้น – 40 กว่าปี
  • ขยายสาขาโดย Location ตามคอนโดฯ สถานีรถไฟฟ้า จุดต่อรถสาธารณะ กล่าวคือ เน้นเจาะกลุ่มสังคมออฟฟิศ เป็นต้น

จริง ๆ แล้ว ยังมีร้านสะดวกซื้อ และร้านค้าปลีกลักษณะที่เป็น MINI MART รูปแบบ Stand Alone อีกหลายแบรนด์ที่ยังไม่ได้กล่าวถึง อย่างไรก็ดี ที่ยกตัวอย่าง 4 แบรนด์นี้ ด้วยความที่สเกลร้าน และรูปแบบการบริหารจัดการมีความใกล้เคียง นำมาเทียบเคียงอ้างอิงกันได้ดีที่สุด

โดยในมุมของพวกเราที่เป็นผู้บริโภคคนหนึ่ง ไม่ว่าจะเข้าไปใช้บริการร้านสะดวกซื้อของแบรนด์ใด ก็ให้ความรู้สึกประทับใจ ตอบโจทย์การเลือกซื้อสินค้าทุกครั้งไม่มากก็น้อย (อย่างน้อย ๆ ต้องมีอะไรติดไม้ติดมือออกมาบ้างแหละ) แต่สำหรับนักลงทุน หรือที่สนใจอยากลงทุนแฟรนไชส์ร้านสะดวกซื้อ กับบางแบรนด์คงต้องอดใจรอและติดตามความเคลื่อนไหวอีกสักหน่อย

หรือ.. หากใครที่อดใจไม่ไหว ตอนนี้พร้อมมาก ! ทั้งเงินลงทุน พร้อมทั้ง Location ที่เตรียมก่อสร้างและจะเปิดร้าน ลองศึกษา และถอดโมเดลธุรกิจของร้านสะดวกซื้อแต่ละแบรนด์ ทั้งเรื่องของการบริหารร้าน การให้บริการ ระบบการชำระเงิน หรือระบบต่าง ๆ นำมาต่อยอดและเนรมิตเป็นแบรนด์ของคุณเองก็ได้นะ กับเช็คลิสต์นี้ ! เปิดร้านสะดวกซื้อทันสมัย เริ่มต้นอย่างไรบ้าง ?

เปิดร้านสะดวกซื้อทันสมัย เริ่มต้นอย่างไร ?

  • สำรวจคู่แข่ง: แน่นอนว่า สมัยนี้ไม่ว่าคุณอยู่ที่ไหน จะต้องมีร้านสะดวกซื้อแบรนด์ดัง ๆ เปิดให้บริการก่อนหน้าอยู่แล้ว แต่หากเป็นความต้องการของคุณที่จะทำแบรนด์เอง ก็ต้องลองประเมินดูว่า ร้านของคุณสามารถแย่งชิงหรือแชร์ลูกค้ามาได้มากน้อยเพียงใด
  • สำรวจกำลังซื้อ และ traffic ของคนในชุมชน: คุณอยู่ในพื้นที่นั้น ๆ ย่อมต้องรู้ว่า คนส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่หรือเป็นประชากรในพื้นที่นั้น ๆ ทำงานอะไร มีรายได้ประมาณเท่าไหร่ พฤติกรรมแวะซื้อของก่อนเข้าบ้าน หรือออกไปทำงานบ่อยไหม เพื่อประเมินว่า หากเปิดร้าน จะสามารถดึงดูดผู้คนเหล่านี้มาเป็นลูกค้าได้มากน้อยแค่ไหน
  • เตรียมเงินทุนให้เหมาะกับขนาดสร้างร้าน: ไม่ต่ำกว่า 50,000-100,000 บาทแน่นอน ในการออกแบบสร้างร้าน โดยขึ้นอยู่กับพื้นที่ใช้สอยด้วยว่า คุณต้องการทำร้านขนาดเล็ก-กลาง-ใหญ่ โดยเงินลงทุนนี้ รวมไปถึง การซื้ออุปกรณ์และสินค้าเข้ามาขาย ได้แก่ ชั้นวางของ , สินค้าอุปโภคบริโภค แต่หากคุณต้องการลงตู้แช่เย็น หรือติดแอร์เพิ่ม งบลงทุนก็ต้องเพิ่มขึ้นตามอุปกรณ์ (Equipment)

ศึกษาและเตรียมขอเอกสารอนุญาตและจดทะเบียนร้าน

• การขออนุญาต จาก “กรมสรรพสามิต” : เพราะเหล้า เบียร์ บุหรี่ เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้อยู่แล้ว และแทบจะเป็นรายได้หลักในการทำร้านสะดวกซื้อ เพราะฉะนั้น คุณต้องศึกษาและดำเนินการขออนุญาตจากกรมสรรพสามิตด้วย

• การจดทะเบียนพาณิชย์และการเสียภาษี : โดยคุณต้องศึกษาด้วยเช่นกัน โดยสามารถศึกษาได้ตามอินเตอร์เน็ต เกี่ยวกับการจดทะเบียรพาณิชย์ (ร้านค้า/บุคคลธรรมดา) ตลอดจน เรื่องภาษีโรงเรือนและที่ดิน , ภาษีป้าย , ภาษีบำรุงท้องที่ เป็นต้น

การเริ่มต้นในครั้งแรก แน่นอนว่า เรื่องถอนทุนคืน เลิกคิดไปก่อนได้เลย ในระยะยาว 6 เดือน ถึง 1 ปื ค่อยมาดูกันอีกที โดยคุณอาจจะมีความกังวลในหลาย ๆ เรื่อง เช่น รายจ่ายของร้านในแต่ละวัน , ยอดขายไม่เข้าเป้า, การบริหารจัดการสินค้าที่มีอายุสั้น ฯลฯ

ทั้งนี้ ขอให้คุณเดินตามแผนที่วางเอาไว้ ค่อย ๆ ประคับประคอง บริหารร้านของคุณต่อไปด้วยบริการที่ดี สม่ำเสมอกับลูกค้า หมั่นสอบถามพูดคุยกับลูกค้าถึงความต้องการอะไรภายในร้านของคุณ แล้วนำมาวางขายหรือเป็นบริการเสริมอย่างต่อเนื่อง

ขอให้อดทน อย่าเพิ่งท้อง่าย ๆ ซึ่งหากผ่านพ้นช่วงไตรมาสแรกของการเปิดร้านไปได้ คุณจะมองหาจุดอ่อนได้ชัดเจนขึ้น และหาวิธีการหรือแนวทางแก้ไขได้ และเมื่อผ่านช่วงเวลาวัดใจนี้ไปได้แล้ว ส่วนใหญ่แล้วระบบทุกอย่างรวมทั้งผลประกอบการจะเริ่มเข้าที่เข้าทาง จะเริ่มหมุนเวียนไปได้ และค่อย ๆ ราบรื่นขึ้นตามลำดับ

แอดมิน ขอเอาใจช่วย.. โดยการสร้างธุรกิจเริ่มต้นจากความอดทน รู้จักใช้คน ทำในสิ่งที่ตนถนัดก่อน วางแผนกระชับรวดเร็ว และลงมือทำทันที ที่สำคัญ คือ ความพยายามที่ยิ่งใหญ่ จะพาให้คุณก้าวไปพบความฝันที่ฝันไว้และเป็นจริงได้ ก็ด้วย.. จากการลงมือทำเท่านั้น !

 


Mostview

คู่รักนักธุรกิจอินเดียบริจาคทรัพย์สิน 890 ล้านบาท พร้อมออกบวชเข้าสู่เส้นทางศาสนา

คู่รักชาวอินเดียผู้มั่งคั่งจากรัฐคุชราตได้บริจาคทรัพย์สินทั้งหมดคิดเป็นมูลค่า 200 ล้านรูปี (ประมาณ 890 ล้านบาท) เพื่อบวชเป็นพระ หลังได้รับแรงบันดาลใจจากการบวชของลูกชาย และลูกสาว

ปิดแล้ว! ร้าน Lawson ฉากหลังภูเขาฟูจิ หลังนักท่องเที่ยวไม่ทำตามกฏ ทิ้งขยะเกลื่อน

อีกหนึ่งจุดถ่ายภาพเวลานักท่องเที่ยวไปภูเขาฟูจิที่ประเทศญี่ปุ่น นั่นคือพื้นที่ร้านสะดวกซื้อ Lawson ที่มีฉากหลังเป็นภูเขาฟูจิ ที่เรียกว่าเป็นแลนด์มาร์คที่ใครมาต้องมาถ่ายรูปให้ได้ แต่ตอนนี้กำลังจะเหลือเพียงความทรงจำ กลายเป็นอดีต

ผลกระทบขึ้นค่าแรง 400 บาท อาจทำให้สินค้าขยับราคาขึ้น 15%

ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้สำรวจความคิดเห็นภาคเอกชน ทั้งในภาคส่วนการผลิต การค้า และบริการ การปรับอัตราค่าแรงในแต่ละครั้งมักจะมีผลกระทบต่อทั้ง GDP เงินเฟ้อ ผลิตภาพแรงงาน รวมถึงอัตราการว่างงานทั้งบวกและลบ

สิงคโปร์ แจกเงินละ 8,000 บาท ให้ 1.1 ล้านครัวเรือนไปซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า-ประปา ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

จากสถานการณ์โลกร้อนทำให้หลายประเทศกลับมาตระหนักถึงเรื่องนี้กันมากยิ่งขึ้น ทำอย่างไรที่จะออกนโยบายที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทำให้ประชาชนตระหนักถึงเรื่องนี้เป็นอันดับต้น ๆ

Noumami บริษัทนอร์เวย์ ผลิตน้ำปลาจากแซลมอน แบรนด์แรกของโลก

“น้ำปลา” จัดเป็นสินค้าสัตว์น้ำพื้นเมืองของประเทศไทย โดยปลาที่นิยมนำมาเป็นวัตถุดิบ ได้แก่ ปลากะตัก ปลาสร้อย ปลาซิวแก้ว แต่ตอนนี้ไม่ใช่แค่ปลาดังกล่าวที่พูดมาสามารถนำมาทำเป็นน้ำปลาได้ เพราะปลาแซลมอนก็สามารถนำมาผลิตได้เช่นกัน

SmartSME Line