วันจันทร์, เมษายน 29, 2567

ทำความเข้า? เปรียบเทียบ SET กับ MAI ต่างกันอย่างไร

by Anirut.j, 22 ตุลาคม 2566

สำหรับบริษัทที่อยากนำธุรกิจเข้าไปอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย นั้นเมื่อศึกษาข้อมูลจะพบว่ามี SET กับ MAI ซึ่งเป็นตลาดที่มีความแตกต่างกันในเรื่องข้อรายละเอียดในส่วนต่าง ๆ

Smartsme จะมาดูว่าทั้ง SET กับ MAI มีเงื่อนไข รายละเอียดที่สำคัญอะไรบ้าง

SET

- แหล่งระดมทุนระยะยาวของบริษัทที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งมีทุนชำระแล้วหลัง IPO ตั้งแต่ 300 ล้านบาทขึ้นไป

- กำไรสุทธิ 2 ปี หรือ 3 ปีรวมกันหรือเท่ากับ 50 ล้านบาท และปีล่าสุดมากกว่า 30 ล้านบาท

-มีผลการดำเนินงานมากกว่า 3 ปี ก่อนการยื่นขอจดทะเบียน

-มีผู้ถือหุ้นรายย่อยมากกว่า 1,000 ราย (หลังเสนอขายหุ้นแก่ประชาชน)

-Market Cap หรือมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด มากกวว่า 7,500 ล้านบาท

-เปิดเผยข้อมูลตามรอบ (รายไตรมาส) ตามทุกเหตุการณ์

-จัดทำรายงานทางการเงินสำหรับกิจการที่มีส่วนได้เสียสาธารณะ (PAE)

MAI

- แหล่งระดมทุนของธุรกิจที่มีศักยภาพขนาดกลางและเล็ก ซึ่งมีทุน ชำระแล้วหลัง IPO ตั้งแต่ 50 ล้านขึ้นไป

- กำไรสุทธิปีล่าสุดมากกว่าหรือเท่ากับ 10 ล้านบาท

- ประกอบธุรกิจต่อเนื่องที่สั้นกว่า ก่อนการยื่นขอจดทะเบียนมากกว่า 2 ปี

- มีผู้ถือหุ้นรายย่อยมากกว่า 300 ราย (หลังเสนอขายหุ้นแก่ประชาชน)

- Market Cap หรือมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด มากกวว่า 1,000 ล้านบาท

- เปิดเผยข้อมูลตามรอบ (รายไตรมาส) ตามทุกเหตุการณ์

- จัดทำรายงานทางการเงินสำหรับกิจการที่มีส่วนได้เสียสาธารณะ (PAE)

และนี่คือความแตกต่างระหว่าง SET กับ MAI

ที่มา: ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

เรื่องที่เกี่ยวข้อง


Mostview

เปิดธุรกิจที่ได้รับประโยชน์ หากเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เริ่มใช้งาน

ผลสำรวจบอกผู้มีสิทธิ์ใช้เงินดิจิทัลวอลเล็ต จะเลือกใช้จ่ายร้านค้าท้องถิ่น 40% รองลงมาเป็นร้านสะดวกซื้อ เช่น CJ, 7-Eleven 26%

สิงคโปร์ แจกเงินละ 8,000 บาท ให้ 1.1 ล้านครัวเรือนไปซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า-ประปา ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

จากสถานการณ์โลกร้อนทำให้หลายประเทศกลับมาตระหนักถึงเรื่องนี้กันมากยิ่งขึ้น ทำอย่างไรที่จะออกนโยบายที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทำให้ประชาชนตระหนักถึงเรื่องนี้เป็นอันดับต้น ๆ

ธุรกิจอีคอมเมิร์ซมาแรง คนไทยซื้อผ่านแพลตฟอร์ม 67% คาดมูลค่าปี 2567 แตะ 7 แสนล้านบาท

ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผยว่าธุรกิจอีคอมเมิร์ซมาแรงต่อเนื่อง โตแบบฉุดไม่อยู่ ปี 2566 มีมูลค่า 6.34 แสนล้านบาท คาดการณ์ปี 2567 มูลค่าแตะ 7 แสนล้านบาท และปี 2568 มูลค่าทะลุ 7.5 แสนล้านบาท

จับตาราคา “เนย” เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ในตลาดโลกใกล้แตะระดับสูงสุดเท่าทีเคยมีมา

ไม่ใช่ “โกโก้” เท่านั้นที่ราคาพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์จากปัจจัยเรื่องของสภาพอากาศที่เลวร้าย และโรคที่มากับพืชจนส่งผลกระทบต่อแหล่งเพาะปลูก ทำให้ได้ผลผลิตน้อย นำมาสู่การปรับราคาของสินค้าที่มี “โกโก้” เป็นส่วนผสม ซึ่งคาดการณ์ว่าราคาจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ

SmartSME Line