วันอาทิตย์, เมษายน 28, 2567

เปรียบเทียบรถยนต์ไฟฟ้า Tesla-BYD-GMW ซื้อตอนนี้คุ้มค่าหรือไม่

by Anirut.j, 25 ตุลาคม 2566

รถยนต์ไฟฟ้ากำลังจะครองตลาดหรือไม่?

ปัจจุบันเราเริ่มเห็นรถยนต์ไฟฟ้าวิ่งตามบนท้องถนน และปฏิเสธไม่ได้ว่าได้กลายเป็นทางเลือกใหม่ของผู้คนในยุคนี้ที่ต้องการความแปลกใหม่ หลีกเลี่ยงรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน ซึ่งราคาน้ำมันตอนนี้พุ่งสูงจากเมื่อก่อนเป็นอย่างมาก และไม่มีทีท่าจะลดลงกลับมาอยู่ในระดับเดิม จากปัจจัยต่าง ๆ

ดังนั้น การมองทางเลือกใหม่ ๆ อย่าง “รถยนต์ไฟฟ้า” ก็ไม่ได้เสียหายอะไร

แน่นอนข้อดีลำดับต้น ๆ ของ “รถยนต์ไฟฟ้า” นั่นคือการประหยัดค่าใช้จ่ายเมื่อเทียบกับรถยนต์เครื่องยนต์สันดาป ตลอดจนประหยัดพลังงาน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แถมมีราคาไม่ต่างรถยนต์ที่ใช้น้ำมันสักเท่าไหร่นัก อีกทั้ง “รถยนต์ไฟฟ้า” ถูกคาดการณ์ว่าจะเข้ามาแทนที่รถยนต์สันดาปในอนาคตอย่างแน่นอน สอดคล้องกับรายงานของ Goldman Sach ที่มองว่าภายในปี 2035 รถยนต์ไฟฟ้าจะมีสัดส่วนประมาณ 50% ของยอดขายรถยนต์ใหม่ทั่วโลก และยอดขายจะเพิ่มเป็นประมาณ 73 ล้านคันในปี 2040

นอกจากนี้ ด้วยกระแสความนิยมของ “รถยนต์ไฟฟ้า” ที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ภาครัฐเล็งเห็นความสำคัญ ออกมาตรการเพื่อดึงดูดให้คนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น และส่งเสริมผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าซึ่งจะมีผลต่อระบบเศรษฐกิจ

Smartsme จะพามาสำรวจแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ได้แก่ Tesla-BYD-Ora ว่ามีรุ่นอะไรที่น่าสนใจน่าจับจองซื้อมาเป็นเจ้าของบ้าง

Tesla

Tesla Model 3

Tesla Model 3

Model 3

-แบตเตอรี่ รุ่น Standard Range

- วิ่งได้สูงสุด 629 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง

- เพิ่มระยะทางได้สูงสุด 282 กม. ในเวลาเพียง 15 นาที ที่หนึ่งใน Supercharger ที่มีให้บริการทั่วโลกมากกว่า 50,000 เครื่อง

- เสียบปลั๊กชาร์จได้ตาม โรงแรม สวนสาธารณะ หรือที่อื่น ๆ

- ราคา 1,599,000 บาท

BYD

BYD SEAL

BYD SEAL


BYD SEAL

- ระยะทางวิ่งสูงสุด 580 กม.

- รับประกันแบตเตอรี่นาน 8 ปี หรือ 160,000 กม.

- ราคาเริ่มต้นที่ 1,325,000 บาท

GMW

 

ORA GOOD CAT

ORA GOOD CAT

 

ORA GOOD CA

- วิ่งได้ 500 กม. ต่อ 1 ชาร์จ

-ความเร็วสูงสุด 152 กม./ชั่วโมง

- ราคาเริ่มต้น 828,500 บาท


นี่เป็นแค่รถยนต์ไฟฟ้าบางส่วนเท่านั้น โดยแต่ละแบรนด์ยังมีรุ่นรถยนต์ไฟฟ้าที่น่าสนใจ เหมาะกับผู้ใช้ให้เลือกซื้อ ในส่วนของคำถามที่ว่า หากจะซื้อรถยนต์ไฟฟ้าตอนนี้คุ้มค่าหรือไม่? ซึ่งเรื่องนี้มีหลายประเด็นให้เราได้พิจารณาหลายเรื่องด้วยกัน

เรื่องแรก แม้ว่ารถยนต์ไฟฟ้าจะได้รับความนิยม และเป็นเทรนด์ที่กำลังมา แต่ด้วยความใหม่ อยากให้ผู้ที่อยากจะซื้อสำรวจสถานีชาร์จให้ดีเสียก่อนว่ามีที่ไหนบ้าง ซึ่งตอนนี้ก็เริ่มมีผู้ที่เกี่ยวข้องเริ่มเปิดสถานีชาร์จให้บริการตามปั๊มน้ำมัน, ห้างสรรพสินค้า แต่ควรวางแผนการเดินทางให้ดี คำนวณระยะทางวิ่งของรถยนต์ไฟฟ้าให้ดี เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากต้องเดินทางไปต่างจังหวัด เพราะไม่ใช่ทุกปั๊มน้ำมันจะมีสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า

เรื่องที่สอง ผู้ซื้อต้องอย่าลืมไปดูรายละเอียดนโยบายส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้าของภาครัฐฯ ที่จะสิ้นสุดลง เช่น การลดอากรขาเข้ารถยนต์ที่ผลิตต่างประเทศ และนำเข้าทั้งคัน (CBU) สูงสุด 40% สำหรับรถยนต์ ถึงปี 2566 ซึ่งอาจจะส่งผลต่อราคารถยนต์ไฟฟ้าที่เกิดการเปลี่ยนแปลงได้

เรื่องที่สาม แต่เมื่อความคุ้มค่าแล้ว “รถยนต์ไฟฟ้า” ก็มีความน่าสนใจอยู่ไม่ใช่น้อย ทั้งในเรื่องความประหยัดของเรื่องค่าใช้จ่ายที่ชาร์จไฟแทนที่การเติมน้ำมัน ตลอดจนการเป็นเทรนด์อุตสาหกรรมยานยนต์ที่มาแรงในอนาคต ซึ่งตอนนี้หลายแบรนด์ผู้ผลิตรถยนต์นอกเหนือจากที่กล่าวไปข้างต้น เริ่มหันมาให้ความสนใจที่จะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อรองรับความต้องการของตลาดนี้

เรียกได้ว่าต่อไป ศูนย์ให้บริการซ่อม, สถานีชาร์จ คงมีไม่ต่างจากรถยนต์ที่ใช้น้ำมันอย่างแน่นอน

ที่มา: teslabydgwm


Mostview

เปิดธุรกิจที่ได้รับประโยชน์ หากเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เริ่มใช้งาน

ผลสำรวจบอกผู้มีสิทธิ์ใช้เงินดิจิทัลวอลเล็ต จะเลือกใช้จ่ายร้านค้าท้องถิ่น 40% รองลงมาเป็นร้านสะดวกซื้อ เช่น CJ, 7-Eleven 26%

สิงคโปร์ แจกเงินละ 8,000 บาท ให้ 1.1 ล้านครัวเรือนไปซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า-ประปา ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

จากสถานการณ์โลกร้อนทำให้หลายประเทศกลับมาตระหนักถึงเรื่องนี้กันมากยิ่งขึ้น ทำอย่างไรที่จะออกนโยบายที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทำให้ประชาชนตระหนักถึงเรื่องนี้เป็นอันดับต้น ๆ

ธุรกิจอีคอมเมิร์ซมาแรง คนไทยซื้อผ่านแพลตฟอร์ม 67% คาดมูลค่าปี 2567 แตะ 7 แสนล้านบาท

ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผยว่าธุรกิจอีคอมเมิร์ซมาแรงต่อเนื่อง โตแบบฉุดไม่อยู่ ปี 2566 มีมูลค่า 6.34 แสนล้านบาท คาดการณ์ปี 2567 มูลค่าแตะ 7 แสนล้านบาท และปี 2568 มูลค่าทะลุ 7.5 แสนล้านบาท

จับตาราคา “เนย” เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ในตลาดโลกใกล้แตะระดับสูงสุดเท่าทีเคยมีมา

ไม่ใช่ “โกโก้” เท่านั้นที่ราคาพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์จากปัจจัยเรื่องของสภาพอากาศที่เลวร้าย และโรคที่มากับพืชจนส่งผลกระทบต่อแหล่งเพาะปลูก ทำให้ได้ผลผลิตน้อย นำมาสู่การปรับราคาของสินค้าที่มี “โกโก้” เป็นส่วนผสม ซึ่งคาดการณ์ว่าราคาจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ

SmartSME Line