วันพฤหัสบดี, เมษายน 25, 2567

จากเด็กเร่ขายขนมปัง สู่การเป็นเจ้าของธุรกิจรองเท้าเพื่อสุขภาพแบรนด์ Shuberry

by Smart SME, 16 มีนาคม 2560

ถ้านึกถึงรองเท้ารูปทรงดีๆ อ้วนๆป้อมๆ ผิวสัมผัสเหมือนเดินอยู่บนโซฟา มาพร้อมกับสีสันสดใส ทั้งยังเป็นรองเท้าเพื่อสุขภาพคงจะไม่มีใครไม่รู้จักรองเท้าแบรนด์ Shuberry โดยมีโลโก้สีชมพูเป็นเอกลักษณ์ของร้านสร้างความสะดุดตาให้กับสาวๆที่ผ่านไปผ่านมาได้เป็นอย่างดี แต่กว่าที่รองเท้า Shuberry จะถือกำเนิดขึ้้นนั้นต้องผ่านเรื่องราวมามากมาย รวมไปถึงประสบการณ์การทำแบรนด์ที่คุณป้อ กรกนก สว่างรวมโชค เจ้าของธุรกิจรองเท้าสตรีเพื่อสุขภาพ Shuberry ได้สร้างขึ้นทำให้แบรนด์รองเท้า Shuberry สามารถประสบความสำเร็จได้ในเวลาอันรวดเร็ว แต่ใครจะรู้บ้างว่ากว่าที่จะได้รองเท้าคู่หนึ่งนั้นกรรมวิธีการผลิตเรียกได้ว่าแทบจะเป็นแฮนด์เมคเกือบ 100% จะมีการใช้เครื่องจักรเฉพาะการเข้ารูปด้วยจักรเย็บผ้าเพียงเท่านั้น ทุกขั้นตอนล้วนใส่ความพิถีพิถันและความละเอียดอ่อนอย่างเต็มที่ ซึ่งการออกแบบนั้นคิดจากสิ่งที่ตัวเองเป็นและต้องตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคด้วย และที่น่ายินดีกว่านั้นรองเท้า Shuberry ยังได้รับรางวัลนวัตถกรรมรองเท้านวดจุดสกัดป่วยอีกด้วย . ถ้าย้อนกลับไปก่อนที่คุณป้อจะตัดสินใจทำธุรกิจนั้นทางครอบครัวทำอาชีพค้าขายเบเกอรี่ ขายขนมปังมาก่อน ซึ่่งคุณป้อเองก็มักจะนำขนมปังของที่บ้านไปขายตามบ้านต่างๆ โดยในขณะที่คุณป้อเรียนอยู่ปี 4 นั้นได้เล็งเห็นช่องทางการขายสินค้าแฟชั่นเนื่องจากเห็นว่าเทรนด์สินค้าแฟชั่นในตอนนั้นกำลังได้รับความนิยมซึ่งจะเป็นสินค้าที่มีคุณภาพ ราคาไม่แพง จุดนี้เองถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการทำธุรกิจเลยก็ว่าได้ ซึ่งในตอนแรกนั้นเริ่มต้นที่การทำกระเป๋าแฟชั่นโดยเริ่มจากการไม่มีทุนพยายามเสาะแสวงหาโรงงานที่รับขึ้นแบบให้เพื่อที่จะไปเสนอขายลูกค้าจนสำเร็จ เมื่อทำออกมาผลตอบรับที่ได้ก็ถือว่าดีมากจนต้องออกแบบกระเป๋าลายอื่นๆเพิ่มเติม เมื่อกิจการไปได้สวยจึงตัดสินใจนำเงินที่ได้มาเช่าพื้นที่ขายเป็นของตัวเองที่สยามสแควร์ โดยใช้ชื่อแบรนด์ว่า Sexy de Cute นอกจากมีกระเป๋าวางขายแล้วคุณป้อเองยังได้ทำเสื้อผ้า และต่อมายังได้ทำธุรกิจค้าส่งอีกด้วย โดยในตอนนั้นธุรกิจไปได้ด้วยดีจนขยายสาขาอีก 6 สาขา จนในวันหนึ่งเกิดวิกฤตเศรษฐกิจย่ำแย่ทำให้ธุรกิจได้รับผลกระทบ จึงต้องหาทางแก้ไขโดยการกระจายความเสี่ยงโดยการจับแบรนด์ขึ้นห้าง ซึ่งนั่นเองเป็นที่มาของแบรนด์ Shuberry ที่เรารู้จักกัน แต่ใครจะรู้ว่าเบื้องหลังของรองเท้าเพื่อสุขภาพที่ใครๆชื่นชอบนั้นเริ่มต้นมาจากวิกฤตร่างกายของตัวคุณป้อเองเมื่อวันหนึ่งตัวเองได้ประสบอุบัติเหตุจนทำให้ไม่สามารถใส่รองเท้าคู่สวยได้อีกต่อไปจำเป็นที่จะต้องหารองเท้าที่ช่วยรักษาอาการโรครองช้ำของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นรองเท้าแบรนด์ไหนก็ไม่สามารถตอบโจทย์ได้ คุณป้อเองจึงมีความคิดที่อยากจะทำรองเท้าเพื่อมารักษาตัวเอง จนทำให้เกิดเป็นรองเท้าเพื่อสุขภาพแบรนด์ Shuberry โดยกลยุทธ์การทำตลาดผ่านโซเชียลที่ทางคุณป้อได้ทำนั้นเรียกได้ว่าสามารถทำได้อย่างแยบยลโดยไม่ต้องเสียเงินกระตุ้นสักบาท ซึ่งคุณป้อเองได้บอกทริคแนะนำสำหรับผู้ที่ทำธุรกิจออนไลน์สามารถนำไปปรับใช้กับธุรกิจของเพื่อนๆว่า ศาสตร์ของการโน้มน้าวผู้บริโภคนั้นต้องอาศัยความเป็นครีเอทีฟควบคู่กันด้วย ซึ่งเพียงแค่คุณรู้จักวิธีการพูดเชื้อเชิญให้คนมากดไลท์หรือกดติดตามเพจก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไปเสียเงินกับการซื้อ Facebook Ad ซึ่งคุณป้อเองได้พิสูจน์แล้วว่าการทำด้วยวิธีนั้นจะช่วยประหยัดเงินในการโปรโมทธุรกิจหรือสินค้าของเราได้ 12 สาขาของ Shuberry ที่ได้กำเนิดขึ้นทำให้เราได้เห็นแล้วว่าวิสัยทัศน์ในการทำธุรกิจของคุณป้อมีความครีเอทีพ มีความคิดที่ไม่หยุดนิ่ง ไม่หยุดที่จะพัฒนาสินค้าและบริการ โดยปัจจัยของความสำเร็จที่ทำให้ Shuberry สามารถยืนหยัดมาได้คือ 1. Product ถูกใจ 2. Location ถูกที่ 3. ระบบถูกต้อง โดย 3 สิ่งนี้ที่เป็นกุญแจความสำเร็จของธุรกิจที่ทำให้คุณป้อฝ่าทุกวิกฤตมาจนถึงทุกวันนี้ สำหรับเพื่อนๆคนไหนอยากรู้จุดกำเนิดรองเท้าแบรนด์ Shuberry เพิ่มเติมสามารถติดตามได้ที่นี่ คลิกเลย>>
Tag :

Mostview

หนุ่มอายุ 25 ปี ใช้ AI สร้างรายได้เกือบ 2 ล้านบาท ใช้เวลาแค่ 2 เดือน

เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ถูกพูดถึงอย่างในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่ามา และคาดการณ์ว่าจะเข้ามามีบทบาทเป็นส่วนหนึ่งของการทำธุรกิจต่อไปในวันข้างหน้า

เปิดธุรกิจที่ได้รับประโยชน์ หากเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เริ่มใช้งาน

ผลสำรวจบอกผู้มีสิทธิ์ใช้เงินดิจิทัลวอลเล็ต จะเลือกใช้จ่ายร้านค้าท้องถิ่น 40% รองลงมาเป็นร้านสะดวกซื้อ เช่น CJ, 7-Eleven 26%

ธุรกิจอีคอมเมิร์ซมาแรง คนไทยซื้อผ่านแพลตฟอร์ม 67% คาดมูลค่าปี 2567 แตะ 7 แสนล้านบาท

ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผยว่าธุรกิจอีคอมเมิร์ซมาแรงต่อเนื่อง โตแบบฉุดไม่อยู่ ปี 2566 มีมูลค่า 6.34 แสนล้านบาท คาดการณ์ปี 2567 มูลค่าแตะ 7 แสนล้านบาท และปี 2568 มูลค่าทะลุ 7.5 แสนล้านบาท

SmartSME Line