รฟท.ประกาศเดินหน้ายกเครื่อง “ตลาดนัดจตุจักร” สู่แลนด์มาร์กชอปปิ้งและท่องเที่ยว ขยายฐานลูกค้า ช่วยผู้ค้ากว่าหมื่นรายยอดขายเพิ่ม  ระบุมีทั้งปรับภูมิทัศน์ สร้างที่จอดรถอัตโนมัติ บริการ free wifi และเปิดโอกาสค้าขายผ่านออนไลน์

ผศ.ดร.ศิริพงศ์ พฤทธิพันธุ์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารโครงการพัฒนาที่ดิน การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และประธานกรรมการดำเนินงานบริหารจัดการพื้นที่ตลาดนัดจตุจักร กล่าวว่า   ปัจจุบัน ในตลาดนัดจตุจักรมีผู้ประกอบการรายย่อย และเอสเอ็มอี ประมาณ 10,000 ราย  ซึ่งทาง ร.ฟ.ท.กำลังกำลังทำแผนยกระดับตลาดนัดจตุจักรจากแหล่งตลาดนัดวันหยุดให้เป็นแลนด์มาร์กด้านการค้าและท่องเที่ยว เพื่อจะขยายฐานลูกค้าที่เข้ามาเที่ยวตลาดฯ ให้มากยิ่งขึ้น ทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ค้าในตลาดฯ  ได้รับประโยชน์ที่จะสามาารถขายสินค้าหรือบริการได้มากยิ่งขึ้น ปัจจุบัน มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวตลาดนัดจตุจักรประมาณ 200,000 รายต่อวัน แบ่งเป็นชาวต่างชาติประมาณ 70% ได้แก่ มาเลเซีย ญี่ปุ่น เกาหลี จีน ออสเตรเลีย ยุโรป และอินเดีย เป็นต้น ส่วนอีก 30% คือ คนไทย ในช่วงวัยรุ่น และวัยทำงาน สำหรับการปรับปรุงตลาดนัดจตุจักร ให้น่าสนใจเพิ่มขึ้นนั้น  จะมีการปรับภูมิทัศน์ภายในตลาดตามจุดต่างๆ ให้เหมาะแก่การถ่ายภาพ เช็กอิน  อีกทั้ง อำนวยความสะดวกด้านสถานที่จอดรถ และการเดินทางและขนส่งสินค้ามากขึ้น โดยทาง ร.ฟ.ท.มีแผนสร้าง “ที่จอดรถอัตโนมัติ” เหมือนกับประเทศญี่ปุ่น ลงทุนประมาณ 400,000 บาท รองรับการจอดรถได้ประมาณ 200 คัน ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมเปิดให้บริษัทเอกชนเข้ามาประมูลการสร้างที่จอดรถดังกล่าว นอกจากนี้ ปรับสถานที่บริเวณสวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ รองรับการจอดรถได้ 2,000 คัน โดยจัดรถรับส่งประชาชน นักท่องเที่ยวมายังตลาดจตุจักร และยังเตรียมรถกอล์ฟรองรับผู้สูงอายุเดินชมตลาด และมีแผนปรับปรุงพื้นที่โดยรอบ คาดว่ารองรับรถนักท่องเที่ยวเพิ่มเติมอีก 3,000-4,000 คัน รวมถึง จัดทำ “โลโก้” รูปหอเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา หรือ “หอนาฬิกา” ที่คนทั่วไปรู้จัก มาทำเป็นแบรนด์ตลาดนัดจตุจักรให้ชัดเจนยิ่งขึ้น รวมถึงเพิ่มความสะดวกสบายต่างๆ แก่ลูกค้าและนักท่องเที่ยว โดยประมาณปลายเดือนเมษายนนี้ จะเตรียมเปิดบริการ free Wi-Fi มีแอปพลิเคชันแนะนำเส้นทางไปยังร้านค้าต่างๆ  อีกทั้ง จัดกิจกรรมพิเศษทุกสุดสัปดาห์ รวมถึง นำสินค้าทั้งหมดของผู้ค้าในตลาด ขึ้นเว็บไซต์ชอปปิ้งออนไลน์   เพื่อจะขยายโอกาสให้ขายสินค้าสู่ภายนอกตลาดควบคู่ไปด้วย