เวลาเปลี่ยน อะไรๆก็เปลี่ยน เหตุใด Nike ถึงเพลี่ยงพล้ำให้กับ Adidas
by Smart SME, 6 กรกฎาคม 2560
ดูเหมือนว่าแบรนด์ยักษ์ใหญ่จากเยอรมนีจะกลายเจ้าครองตลาดกีฬา ไม่ว่าจะเป็น ฟุตบอลโลก ล่าสุดกับมหกรรมกีฬาของมวลมนุษยชาติ อย่างโอลิมปิก
การย้อนผลิตภัณฑ์กลับไปสู่แนวย้อนยุค ถือเป็นข่าวดีสำหรับบริษัทยักษ์ใหญ่จากเยอรมนีทั้ง Adidas และ Puma โดยยอดขายรองเท้าในปี 2016 เพิ่มขึ้นถึง 6 เท่า ติดอันดับรองเท้าขายดีสุดในอเมริกา โดยเฉพาะรุ่น Stan Smith ที่มียอดขายเพิ่มถึง 5 เท่า Matt Powell นักวิเคราะห์อุตสาหกรรมกีฬา NPD Group กล่าวว่า แฟชั่นมีอยู่รอบตัวเรา ซึ่งการออกแบบให้ใส่สบาย มีการย้อนยุค กลายเป็นจุดเด่น สร้างความสนใจให้กับผลิตภัณฑ์ของพวกเขาตลอดทั้งปี 2016 ที่ผ่านมา Adidas ในทวีปอเมริกาเหนือมียอดขายเติบโตแซงหน้าคู่แข่งอย่าง Nike และ Under Armour โดยช่วงไตรมาสล่าสุด Adidasมียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 31% สร้างรายได้ถึง 1.1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่ง Kasper Rorsted ซีอีโอ ให้คำมั่นว่ายอดขายจะเติบโตขึ้นไปอีกในปี 2017
ทวีปอเมริกาเหนือ มีแบรนด์ที่ถือครองตลาดสำคัญอยู่ 3 รายด้วยกัน แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะต้องพบกับอุปสรรค ปัญหาที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็น Nike ที่กำลังจะเสียผู้นำด้านการค้าปลีก ,Under Armour ที่ต้องผิดหวังกับการล้มละลายของธุรกิจกีฬา และ Lululemon Athletica ที่ผู้คนมีการเลือกเข้าเดินภายในร้านค้าลดลง แตกต่างจาก Adidasที่ตัวเลขการขายผลิตภัณฑ์ล่าสุดทั้งรุ่น Superstar และ Stan Smith ซึ่งกลายเป็นเครื่องแต่งกายที่เป็นแฟชั่น อยู่ในกระแสของสปอร์ตอยู่ ณ ขณะนี้ เรียบเรียงจาก : fortune [บทความทั้งหมด] | [คลิปรายการทั้งหมด]Mostview
หนุ่มอายุ 25 ปี ใช้ AI สร้างรายได้เกือบ 2 ล้านบาท ใช้เวลาแค่ 2 เดือน
เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ถูกพูดถึงอย่างในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่ามา และคาดการณ์ว่าจะเข้ามามีบทบาทเป็นส่วนหนึ่งของการทำธุรกิจต่อไปในวันข้างหน้า
เปิดธุรกิจที่ได้รับประโยชน์ หากเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เริ่มใช้งาน
ผลสำรวจบอกผู้มีสิทธิ์ใช้เงินดิจิทัลวอลเล็ต จะเลือกใช้จ่ายร้านค้าท้องถิ่น 40% รองลงมาเป็นร้านสะดวกซื้อ เช่น CJ, 7-Eleven 26%
ธุรกิจอีคอมเมิร์ซมาแรง คนไทยซื้อผ่านแพลตฟอร์ม 67% คาดมูลค่าปี 2567 แตะ 7 แสนล้านบาท
ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผยว่าธุรกิจอีคอมเมิร์ซมาแรงต่อเนื่อง โตแบบฉุดไม่อยู่ ปี 2566 มีมูลค่า 6.34 แสนล้านบาท คาดการณ์ปี 2567 มูลค่าแตะ 7 แสนล้านบาท และปี 2568 มูลค่าทะลุ 7.5 แสนล้านบาท