นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่าได้มอบนโยบายให้กรมสรรพากรเร่งขยายฐานภาษี พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บเพื่อเพิ่มยอดการจัดเก็บรายได้ หลังจากหลายปีงบประมาณที่ผ่านมาการจัดเก็บรายได้ของกรมฯอยู่ในระดับต่ำกว่าเป้าหมายเฉลี่ยปีละ 1 แสนล้านบาท ในปีงบประมาณนี้ที่กรมสรรพากรต้องทำงานหนัก ๆ คือการขยายฐานภาษีโดยนำผู้มีรายได้เข้ามาอยู่ในระบบทั้งในส่วนของบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล กรณีของบุคคลธรรมดานั้นเรามีฐานภาษีอยู่ 20-30 ล้านคน แต่มีคนที่เสียภาษีจริง ๆอยู่ 6-7 ล้านคนเท่านั้น และก็หวังฐานภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจะเข้ามาในปีนี้ ส่วนนิติบุคคลนั้นจำนวนบริษัทที่อยู่ในข่ายต้องเสียภาษีมีจำนวนมากแต่ที่ยื่นภาษีจริงมีน้อย ฉะนั้น ปีงบประมาณนี้เป็นปีที่สรรพากรจะต้องทำงานหนักมากขึ้น สำหรับการขยายฐานภาษีเงินได้นิติบุคคลนั้น จะพุ่งเป้าไปที่นำผู้ที่นำบุคคลธรรมดาที่ทำธุรกิจเข้ามาจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล เช่นผู้ประกอบธุรกิจ ร้านค้าทอง ร้านแว่นตา ที่ปัจจุบันส่วนใหญ่ยื่นแสดงรายได้แบบบุคคลธรรมดาก็ให้หันมายื่นแสดงรายได้เป็นนิติบุคคลแทน แม้ปีงบที่ผ่านมารายได้กรมสรรพากรอาจต่ำกว่าเป้าหมายมาก แต่ความพยายามเพิ่มฐานภาษีก็น่าจะช่วยให้ได้ภาษีตามเป้า และอีกส่วนที่จะทำให้รายได้กรมสรรพากรดีขึ้นคือการออกกฎหมายจัดเก็บภาษีอี-คอมเมิร์ซ ซึ่งขณะนี้ได้ผ่านการพิจารณาในชั้นคณะรัฐมนตรีและอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา คาดว่ากฎหมายดังกล่าวจะมีผลในปีหน้า