วันพฤหัสบดี, เมษายน 25, 2567

อาลีบาบา ปฏิวัติโลกค้าปลีก 

by Smart SME, 13 พฤศจิกายน 2560

วนมาอีกครั้งสำหรับมหกรรมช้อปปิ้งระดับโลก “11.11” ของ อาลีบาบา ซึ่งปีนี้ยกระดับความยิ่งใหญ่ด้วยกลยุทธ์ค้าปลีกยุคใหม่ หรือ “New Retail” ด้วยการผสมผสานประสบการณ์ช้อปปิ้งบนช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ให้กลายเป็นหนึ่งเดียว

ภายใต้ธีม “2017 Tmall Double 11 Global Shopping Festival” หรือ “Happy Double 11”

ความทรงพลังของยักษ์อีคอมเมิร์ซโลกไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าปีที่ผ่านๆ มาเพียง1นาทีแรกยอดขายทะยานสูงถึง3พันล้านหยวน จากนั้นทำ“นิวไฮ” ในนาทีที่ 3 ด้วยมูลค่า 1 หมื่นล้านหยวน จากปีก่อนหน้า 1 หมื่นล้านหยวนในนาทีที่ 5 สัดส่วนมาจากช่องทางโมบายกว่า 94% โดยสรุปมูลค่าการซื้อขายตลอด 24 ชั่วโมงของเทศกาลประจำปี2560สูงถึง1.68แสนล้านหยวน (2.53หมื่นล้านดอลลาร์) หรือประมาณ8.39แสนล้านบาทสัดส่วนมาจากช่องทางโมบาย90% สถิติที่น่าสนใจ ภายในเวลาเพียง 2 นาที 1 วินาที ยอดขายที่ชำระผ่านอาลีเพย์มีมูลค่ากว่า 1 พันล้านดอลลาร์ (6.6 พันล้านหยวน) ภายใน 2 ชั่วโมง ยอดขายพุ่งสูงขึ้นถึง 1.19 หมื่นล้านดอลลาร์ (7.88 หมื่นล้านหยวน) อัตราการสั่งซื้อและชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือสูงถึง 91% และมูลค่ายอดขายรวม(จีเอ็มวี)ทะลุยอดของปี2559เมื่อเวลา13.09น.ของประเทศจีนหรือหลังจาก13ชั่วโมงที่เปิดเทศกาล

นายแดเนียลจาง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อาลีบาบา กรุ๊ป กล่าวว่า

อาลีบาบาไม่ได้โฟกัสเพียงแค่ตัวเลขมูลค่าการซื้อขาย แต่หวังเข้าใจถึงพัฒนาการการซื้อขายสินค้าของผู้บริโภค ไลฟ์สไตล์ สามารถทำนายล่วงหน้าว่าพวกเขาต้องการอะไร การจะไปถึงจุดนั้นหมายความว่างานสำคัญไม่ใช่เพียงเข้าถึงดีมานด์ แต่ต้องเป็นผู้สร้างดีมานด์ให้กับตลาดด้วย ปัจจุบันฐานลูกค้าของบริษัทนอกประเทศจีนขยายไปกว้างมากขึ้นตามลำดับ รวมถึงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่เพียงการสร้างค้าปลีกยุคใหม่ เราต้องการนำเทคโนโลยีเข้าไปช่วยเปลี่ยนผ่านผู้ประกอบการสู่ดิจิทัล เรื่องนี้สิ่งสำคัญคือการทำความเข้าใจลูกค้าเพื่อนำไปสู่การพัฒนาบริการและผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ได้มากที่สุด โกลบอล ช้อปปิ้ง เฟสติวัล จัดขึ้นทุกปีในวันที่ 11 พ.ย. นับเป็นงานช้อปปิ้งออนไลน์ 24 ชั่วโมงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก จากความร่วมมือระดับโลกในภาคธุรกิจที่ครอบคลุมทั้งผู้บริโภค ผู้ค้าปลีก บริษัทโลจิสติกส์ สถาบันทางการเงิน ร้านค้าทั้งออนไลน์ ออฟไลน์ และศูนย์การค้า แน่นอนว่างานปีนี้ยิ่งใหญ่กว่าที่เคยมีมาด้วยโปรโมชั่นและข้อเสนอจากกว่า 140,000 แบรนด์ สินค้าจำหน่ายจำนวนกว่า 15 ล้านรายการ อาลีบาบามองว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะอย่างมากสำหรับการออกมาจับจ่ายก่อนเทศกาลวันหยุด ทั้งตลาดยิ่งมีความน่าสนใจจากที่ผู้เล่นรายอื่นๆ ออกมาจัดกิจกรรมลักษณะเดียวกัน

ด้าน “นายคริสถัง” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด (ซีเอ็มโอ) อาลีบาบา กรุ๊ป กล่าวว่า

ทิศทางธุรกิจของอาลีบาบาขับเคลื่อนภายใต้กลยุทธ์ “ค้าปลีกยุคใหม่” หรือ “New Retail” เพื่อสร้างนิยามใหม่ให้แก่การค้าปลีก ด้วยการเชื่อมต่อการซื้อขายระหว่างออนไลน์และออฟไลน์เป็นหนึ่งเดียวอย่างไร้รอยต่อ ทั้งนี้จุดยืนบริษัทไม่ใช่แค่ “อีคอมเมิร์ซคอมพานี” แต่ยังเป็น “ดาต้าเซอร์วิสคอมพานี” ที่มุ่งนำเทคโนโลยีเข้าไปช่วยธุรกิจค้าปลีกเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล สร้างการเติบโต และเพิ่มฐานลูกค้า โดยการนำดาต้าที่เก็บได้แบบเรียลไทม์จากภายในอีโคซิสเต็มส์มาประมวลผล พร้อมพัฒนามิติใหม่ๆ ด้านการบริการ การตลาด การดูแลลูกค้า การพัฒนาประสบการณ์ลูกค้า รวมถึงการสร้างความภักดีต่อแบรนด์ “การช้อปปิ้งทุกวันนี้ไม่ใช่แค่เพียงการซื้อสินค้า แต่คือส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ ความบันเทิง การแสดงออกต่อคนรัก ครอบครัว” สำหรับกุญแจที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ “ดิจิทัล บิซิเนส ทรานส์ฟอร์เมชั่น” ประกอบด้วย การบริหารจัดการลูกค้าดิจิทัล, ร้านค้าดิจิทัล, คำสั่งซื้อดิจิทัล, เพย์เมนท์ดิจิทัล และระบบสมาชิกดิจิทัล ปัจจุบันอีคอมเมิร์ซจีนคิดเป็น 18% ของธุรกิจค้าปลีกโดยรวม ด้วยแนวคิดดังกล่าวอาลีบาบาจะผสานศักยภาพเชิงข้อมูลและเทคโนโลยีทั้งหมด เพื่อทำงานร่วมกันและปรับโฉม 82% ของร้านค้าแบบดั้งเดิม เป้าหมายไม่ใช่เพียงการรุกเข้าสู่ตลาดร้านค้าแบบดั้งเดิมแต่เพื่อช่วยเจ้าของกิจการปรับเปลี่ยนโครงสร้างและเสริมประสิทธิภาพการดำเนินงานซึ่งรวมไปถึงการสร้างประสบการณ์การซื้อสินค้า การบริหารจัดการสินค้าคงคลังและพื้นที่ค้าปลีก สำหรับกลยุทธ์ระดับโลก ให้ความสำคัญกับ 5 โครงการประกอบด้วย การพัฒนาแพลตฟอร์มสำหรับการซื้อระดับโลก การขายระดับโลก เพย์เมนท์ระดับโลก โลจิสติกส์ระดับโลก และการท่องเที่ยวระดับโลก โดยจะนำความสำเร็จที่ได้จากตลาดจีนไปช่วยพัฒนาอีคอมเมิร์ซอีโคซิสเต็มส์ในประเทศอื่นๆ รวมไปถึงยกระดับศักยภาพเอสเอ็มอี บริษัทตั้งเป้าไว้ว่าภายใน 10 ปี จะเข้าถึงผู้บริโภคทั่วโลกจำนวนไม่น้อยกว่า 2 พันล้านคน จัดส่งสินค้าได้ภายใน 72 ชั่วโมง สนับสนุนเอสเอ็มอีอย่างน้อย 10 ล้านราย อาลีบาบา เผยว่า มหกรรมช้อปปิ้ง 11.11 ทำให้มีการใช้งานอินเตอร์เน็ตอย่างมหาศาล ส่งผลให้ระบบของอาลีบาบาต้องมีโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีที่แข็งแกร่ง รองรับงานได้หลายรูปแบบ นับตั้งแต่การเปิดดูสินค้า สั่งสินค้า ชำระเงิน ไปจนถึงจัดส่งสินค้า ด้วยเหตุนี้เอง อาลีบาบาจึงเลือกใช้เทคโนโลยีคลาวด์และเอไอมาสนับสนุน ปีนี้ยังเป็นเวทีที่บริษัทได้แสดงถึงศักยภาพในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี “เอไอ" (Artificial Intelligence) และ "เออาร์" (Augmented Reality) เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถทำธุรกิจได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้นมอบประสบการณ์ที่ตื่นตาตื่นใจยิ่งกว่าให้กับผู้บริโภคทั้งอาลีบาบายังได้พัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานของตนเองขึ้นมารองรับการจัดมหกรรมช้อปปิ้งขนาดมหึมานี้ด้วย ตัวอย่างเช่น การเสริมศักยภาพผู้ประกอบการด้วยนวัตกรรมอัจฉริยะ “แชทบอท” เพื่อการบริการลูกค้า บอทดังกล่าวสามารถตอบคำถามจากลูกค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยบอทตัวนี้มีชื่อว่า “Store Xiaomi” ซึ่งได้รับการพัฒนาขึ้นจากฐานข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์จำนวนมาก สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง ปัจจุบันนี้ มีร้านค้าบนแพลตฟอร์มเถาเป่าและทีมอลล์ในกว่า 50 ประเภทสินค้าที่เลือกใช้บริการ นอกจากนี้พัฒนาแพลตฟอร์มเอไอเพื่อการตลาดชื่อว่า “Lu Ban” ที่จะเข้ามาช่วยผู้ประกอบการในการออกแบบแบนเนอร์โฆษณาออนไลน์แบบอัตโนมัติ ด้วยเป็นเทคโนโลยีที่สามารถเรียนรู้ด้วยตนเองผ่านข้อมูล รวมถึงค้นหาข้อมูลเชิงลึกทั้งในรูปแบบข้อความและภาพ จึงมีความสามารถออกแบบแบนเนอร์ออกมานับล้านดีไซน์ ด้วยความเร็วสูงสุดถึง 8,000 แบนเนอร์ต่อวินาที เทคโนโลยี “ออคเมนเต็ด เรียลิตี้ (เออาร์)” เข้ามาเพิ่มสีสันใหม่ๆ เช่น เกมจับแมว “Catch the Cat” ของทีมอลล์ที่เปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถลุ้นคว้าคูปองส่วนลดและของรางวัลสุดพิเศษ เพียงเล่นเกมจับมาสคอตแมวแบบเสมือนจริงในแอพเถาเป่าและทีมอลล์ในบริเวณรอบๆ ร้านค้าที่ร่วมรายการ ปีนี้มีแบรนด์กว่า 65 รายที่เข้าร่วม การนำไปใช้ที่น่าสนใจอื่นๆ ยังมี “Tmall Smart Choice” ระบบที่ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถคาดการณ์ได้ว่าสินค้าชิ้นใดจะกลายเป็นสินค้าขายดีได้ในอนาคต “Fashion AI” แพลตฟอร์มเอไอที่ทำการมิกซ์แอนด์แมทช์สินค้าแฟชั่นให้กับผู้บริโภคได้อย่างลงตัว รวมไปถึง “ห้องลองเสื้อเสมือนจริง” บนแอพเถาเป่าและทีมอลล์ อีกหนึ่งโมเดลต้นแบบ “เหอหม่า (Hema)” ร้านค้าแนวทดลอง ซูเปอร์มาร์เก็ตแนวใหม่ที่ผสมผสานประสบการณ์การช้อปทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ ปัจจุบันมี 20 สาขาทั่วประเทศจีน โดย 13 สาขาตั้งอยู่ในเซี่ยงไฮ้ 3 สาขาในปักกิ่ง หนิงโป หังโจว กุ้ยหยาง และเซินเจิ้น credit images | businessinsider.com [บทความทั้งหมด] | [คลิปรายการทั้งหมด]

Mostview

หนุ่มอายุ 25 ปี ใช้ AI สร้างรายได้เกือบ 2 ล้านบาท ใช้เวลาแค่ 2 เดือน

เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ถูกพูดถึงอย่างในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่ามา และคาดการณ์ว่าจะเข้ามามีบทบาทเป็นส่วนหนึ่งของการทำธุรกิจต่อไปในวันข้างหน้า

ธุรกิจอีคอมเมิร์ซมาแรง คนไทยซื้อผ่านแพลตฟอร์ม 67% คาดมูลค่าปี 2567 แตะ 7 แสนล้านบาท

ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผยว่าธุรกิจอีคอมเมิร์ซมาแรงต่อเนื่อง โตแบบฉุดไม่อยู่ ปี 2566 มีมูลค่า 6.34 แสนล้านบาท คาดการณ์ปี 2567 มูลค่าแตะ 7 แสนล้านบาท และปี 2568 มูลค่าทะลุ 7.5 แสนล้านบาท

เปิดธุรกิจที่ได้รับประโยชน์ หากเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เริ่มใช้งาน

ผลสำรวจบอกผู้มีสิทธิ์ใช้เงินดิจิทัลวอลเล็ต จะเลือกใช้จ่ายร้านค้าท้องถิ่น 40% รองลงมาเป็นร้านสะดวกซื้อ เช่น CJ, 7-Eleven 26%

SmartSME Line