วันพฤหัสบดี, เมษายน 25, 2567

Jd.com เพิ่มโมเดลธุรกิจแบบ C2C

by Smart SME, 13 พฤศจิกายน 2560

บทความจาก สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองกวางโจว

เมื่อเร็วๆนี้ บริษัทอีคอมเมิร์ชยักษ์ใหญ่ JD.com เพิ่มโมเดลธุรกิจการซื้อขายแบบ C2C ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยธุรกิจระดับเล็ก คนทำงานอาชีพส่วนตัวและอาชีพอิสระ เช่น ชาวนา ช่างฝีมือ และนักออกแบบที่สามารถเปิดร้านค้าออนไลน์เพื่อขายสินค้าตนเอง ก่อนหน้านี้รูปแบบการซื้อขายในเว็บไซท์ Jd.com มีเพียงโมเดลธุรกิจ B2C เท่านั้น และการขายสินค้าบนเว็บไซท์ ทางร้านต้องมีใบอนุญาตจดทะเบียนบริษัท จึงจะได้รับอนุญาตให้เปิดร้านค้าและขายได้ การตั้งร้านค้าส่วนบุคคลทางออนไลน์จะเป็นการเพิ่มประเภทและจำนวนสินค้าในแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ซึ่งถือว่าเป็นความท้าทายของระบบการจัดการบนเว็บไซท์ เช่น การควบคุมคุณภาพสินค้า ฯลฯ ที่ผ่านมา Taobao.com เว็บไซต์ซื้อขายออนไลน์ของบริษัท อาลีบาบา ถูกลูกค้าร้องเรียนเรื่องสินค้าคุณภาพต่ำ และสินค้าลอกเลียนแบบจากร้านค้าส่วนบุคคลทางออนไลน์ อาลีบาบาจึงลงทุน 1 ล้านหยวน เพื่อจ้างบุคลากรจำนวน 2,000 คน เพื่อตรวจสอบและกำจัดสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ รวมถึงสินค้าคุณภาพต่ำ ทั้งนี้ jd.com ได้เล็งเห็นถึงปัญหาที่จะเกิดขึ้นจากการให้บริการเปิดร้านส่วนบุคคลออนไลน์ จึงจัดตั้งระบบการตรวจเช็คสินค้าในการตรวจสอบสินค้าจากร้านค้า ก่อนลงขาย การเงินของ JD.com มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจนถึงสิ้นปี โดยไตรมาส 2 มีรายได้กว่า 93.2 พันล้านหยวน ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 43.5 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว การที่แพลตฟอร์มซื้อขายออนไลน์ให้ความสำคัญในการตรวจสอบคุณภาพสินค้า จะช่วยให้การละเมิดลิขสิทธิ์ และการผลิตสินค้าคุณภาพต่ำลดน้อยลง คาดว่าในอนาคตสินค้าจีนจะให้ความสำคัญในเรื่องของคุณภาพมากยิ่งขึ้น เนื่องจากถูกควบคุมโดยรัฐบาลและเอกชน ในการต่อต้านการผลิตและขายสินค้าคุณภาพต่ำ ส่งผลให้พฤติกรรมการบริโภคของชาวจีนที่หันมาบริโภคสินค้าคุณภาพมากขึ้น จึงเป็นโอกาสของสินค้าไทยที่มีจุดแข็งในเรื่องการใช้วัตถุดิบคุณภาพและการผลิตที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน ได้แสดงศักยภาพในตลาดจีน ดึงดูดกลุ่มผู้บริโภคใหม่ๆ ซึ่งจะช่วยผลักดันในด้านการขยายฐานลูกค้าจีนมากขึ้น

Mostview

หนุ่มอายุ 25 ปี ใช้ AI สร้างรายได้เกือบ 2 ล้านบาท ใช้เวลาแค่ 2 เดือน

เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ถูกพูดถึงอย่างในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่ามา และคาดการณ์ว่าจะเข้ามามีบทบาทเป็นส่วนหนึ่งของการทำธุรกิจต่อไปในวันข้างหน้า

ธุรกิจอีคอมเมิร์ซมาแรง คนไทยซื้อผ่านแพลตฟอร์ม 67% คาดมูลค่าปี 2567 แตะ 7 แสนล้านบาท

ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผยว่าธุรกิจอีคอมเมิร์ซมาแรงต่อเนื่อง โตแบบฉุดไม่อยู่ ปี 2566 มีมูลค่า 6.34 แสนล้านบาท คาดการณ์ปี 2567 มูลค่าแตะ 7 แสนล้านบาท และปี 2568 มูลค่าทะลุ 7.5 แสนล้านบาท

เปิดธุรกิจที่ได้รับประโยชน์ หากเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เริ่มใช้งาน

ผลสำรวจบอกผู้มีสิทธิ์ใช้เงินดิจิทัลวอลเล็ต จะเลือกใช้จ่ายร้านค้าท้องถิ่น 40% รองลงมาเป็นร้านสะดวกซื้อ เช่น CJ, 7-Eleven 26%

SmartSME Line