เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ที่ผ่านมา มีรายงานว่าหุ้นของเฟซบุ๊กตกลงถึง 24% และระดับตกลงไปอยู่ที่ 170 ดอลลาร์สหรัฐฯของช่วงการซื้อขายระยะยาว เหล่านี้ทำให้มูลค่าการตลาดรวมหายไป 130,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ David Wehner ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินเฟซบุ๊ก กล่าวว่า ผู้ถือหุ้นคาดหวังที่จะเห็นอัตราการเติบโตของรายได้ แต่กลับพบว่าผลประกอบการในไตรมาส 2 ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากกรณีเหตุการณ์อื้อฉาวที่มีข้อมูลรั่วไหลออกไป ตลอดจนข่าวปลอมที่เกิดขึ้นอยู่เรื่อยๆ มาก่อนหน้านี้ “เรามีแผนที่จะสร้างการเติบโต และสร้างประสบการณ์ เพิ่มทางเลือกใหม่ๆ SME Tech ให้กับผู้ใช้อย่างต่อเนื่อง แต่การรั่วไหลของข้อมูลส่วนตัวอาจส่งผลกระทบต่อรายได้ของเรา และความผันผวนของสกุลเงินก็ส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นของเฟซบุ๊กเช่นกัน” Wehner กล่าวต่อว่า เมื่อวันที่ 25 ที่ผ่านมา หุ้นของเฟซบุ๊กร่วงหนักลงถึง 24% และระดับตกลงไปอยู่ที่ 170 ดอลลาร์สหรัฐฯ ของช่วงการซื้อขายระยะยาว ซึ่งทำให้มูลค่าการตลาดรวมหายไปถึง 130,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับมูลค่าตลาดรวมของเฟซบุ๊กในวันดังกล่าวอยู่ที่ 629,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายหลังเกิดการขายหุ้นอย่างหนักของผู้ถือหุ้น ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่ามูลค่าตลาดรวมของเฟซบุ๊กในวันที่ 26 กรกฎาคม 2561 จะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 500,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ