ยังคงเป็นวิกฤติอย่างต่อเนื่องสำหรับ “เงินเฟ้อ” ที่ลุกลามกลายเป็นปัญหาใหญ่โตในกลุ่มประเทศทวีปอเมริกาใต้ โดยอาร์เจนตินา กลายเป็นอีกหนึ่งประเทศที่หนีไม่พ้นวิกฤติครั้งนี้ ที่ผ่านมารัฐบาลอาร์เจนตินาได้ออกมาตรการเพื่อชะลอเงินเฟ้อที่เกิดขึ้น ด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็น 60% ซึ่งถือเป็นครั้งที่ 4 ในปี 2018 จากเดิมที่ดอกเบี้ยอยู่ที่ 28%, 30% และ 60% ตามลำดับ โดยในเรื่องนี้มีผู้เชี่ยวชาญออกมาวิเคราะห์ว่า การปรับขึ้นดอกเบี้ยให้มีอัตราสูงขึ้นนั้นเป็นไปตามทฤษฎีการเงิน ซึ่งอธิบายง่ายๆ ว่า หากดอกเบี้ยสูง ธนาคารและสถาบันการเงินก็จะปรับตัวตาม และจะทำให้ประชาชนหันมาฝากเงินกับธนาคารมากขึ้น คนขอกู้เงินก็จะน้อยลงตาม อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่านโยบายดังกล่าวยังคงต้องใช้เวลา ไม่สามารถเห็นผลได้ทันทีทันใด ทำให้ล่าสุดรัฐบาลอาร์เจนตินาต้องเร่งดำเนินการนโยบายใหม่อีกครั้ง ด้วยการยุบกระทรวงจากเดิม 19 กระทรวง ให้เหลือเพียง 10 กระทรวงเท่านั้น เพื่อเป็นการรัดเข็มขัดครั้งยิ่งใหญ่ และให้ประเทศฝ่าวิกฤติเงินเฟ้อในครั้งนี้ไปให้ได้ Mauricio Macri ประธานาธิบดีอาร์เจนตินา กล่าวผ่านโทรทัศน์ว่า ประเทศไม่สามารถใช้จ่ายเงินไปได้มากกว่านี้แล้ว โดยรัฐบาลมีความจำเป็นที่ต้องเก็บภาษีส่งออกประเภทธัญพืชเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ถั่วเหลือง, น้ำมันถั่วเหลือง และข้าวโพด ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญของอาร์เจนตินา นอกจากนี้ ตนขอสั่งยุบกระทรวงครึ่งหนึ่งที่มีอยู่ แต่ยังไม่เปิดเผยว่าจะมีกระทรวงใดที่ถูกยุบหรือต้องไปควบรวมกับกระทรวงอื่นบ้าง ข้อมูล : BBC CNN