บริษัทขนาดใหญ่และบริษัทจดทะเบียน ในฐานะผู้มีส่วนได้เสียที่ต้องรับผิดชอบต่อการใช้ประโยชน์ในทรัพยากรธรรมชาติและทรัพยากรมนุษย์ในสัดส่วนที่สูง ต่างแสดงเจตนารมณ์และบทบาทที่จะมีส่วนในการร่วม
ในช่วงสถานการณ์ระบาดของโรคโควิด-19 ปฏิเสธไม่ได้ว่า บทบาทของภาคธุรกิจ ในฐานะหนึ่งในภาคส่วนที่สำคัญของสังคม สามารถที่จะระดมทรัพยากรเพื่อใช้ในการช่วยเหลือ
“Forest Man of India” ชายอินเดียปลูกต้นไม้ทุกวันเกือบ 40 ปี เปลี่ยนเกาะแห้งแล้งทะเลทรายเป็นผืนป่าเขียวชอุ่มกว่า 3,000 ไร่ เสือ ช้าง แรด มาอยู่อาศัยกว่าร้อยตัว
สถานการณ์โควิด ได้ส่งผลต่อภาคธุรกิจในทุกสาขา และในทุกขนาดของกิจการ บางส่วนได้อานิสงส์ในเชิงบวก โดยมีโอกาสในการขยายตลาดเพิ่มขึ้น ขณะที่อีกหลายส่วนได้รับผลกระทบในเชิงลบ
วิกฤตด้านสาธารณสุข การชะลอตัวทางเศรษฐกิจ และยังรวมไปถึงการทำให้เกิดความผันผวนของตลาดทุนและการลงทุนทั่วโลก
ภายใต้หลักการดูแลรักษาทุนในระยะยาว ผู้ลงทุนสามารถและควรลงมือช่วยเหลือเพื่อลดผลกระทบที่เป็นภยันตราย ทั้งผลทางตรงด้านสาธารณสุข ความรุนแรงของการชะลอตัวทางเศรษฐกิจที่สืบเนื่องจากการระบาดใหญ่
ภาวะของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยังมิได้ขึ้นสู่จุดสูงสุดของสถานการณ์ นั่นหมายความว่า ความชะงักงันทางเศรษฐกิจ ก็ยังมิได้ดิ่งลึกลงถึงจุดต่ำสุดเช่นกัน
จากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 องค์กรในภาคธุรกิจจำเป็นต้องมีแผนเผชิญเหตุไว้ดูแลกิจการของตนให้ผ่านพ้นสถานการณ์
สถาบันไทยพัฒน์ ได้ทำการประเมินทิศทางความรับผิดชอบต่อสังคม หรือ CSR ภายใต้รายงานที่มีชื่อว่า 6 ทิศทาง CSR ปี 2563: The Year of Sustainpreneurship
ในฐานะคนทำงานในแวดวงความรับผิดชอบต่อสังคม (Corporate Social Responsibility: CSR) จะขอถ่ายทอดความรักในแบบ CSR ที่มีต่อสังคม