ก.พาณิชย์ หนุน Big Data แก้ปัญหาปากท้องสร้างอาชีพ ผลักดันการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายในและการค้าระหว่างประเทศเชื่อมโยงข้อมูลที่มีอยู่ของทุกหน่วยงานในกระทรวงฯ มาไว้ในที่เดียว

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยในการเป็นประธานเปิดงานสัมมนา “Deep Tech เปลี่ยนโลก เปลี่ยนชีวิต” และปาฐกถาพิเศษในเรื่อง “Big Data ประชารัฐพลิกชีวิตประชาชน” ที่โรงละครอักษรา คิง เพาเวอร์ เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 61 นายสนธิรัตน์ ระบุว่า รัฐบาลได้ให้ความสำคัญต่อการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งการแก้ไขปัญหาปากท้องให้แก่ประชาชน การผลักดันการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายในและการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้แปลงนโยบายรัฐบาลลงสู่การปฏิบัติ โดยได้ผลักดันให้เกิดการจัดทำ บิ๊กดาต้า เชื่อมโยงข้อมูลที่มีอยู่ของทุกหน่วยงานในกระทรวงฯ มาไว้ในที่แห่งเดียว เกิดเป็นบิ๊กดาต้า และปัจจุบันสามารถเลือกนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศแล้ว โดยเทคโนโลยีไม่ใช่เรื่องของคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นเรื่องของทุกฝ่ายของประเทศ โดยเฉพาะนโยบายประเทศไทย 4.0 ที่เกิดขึ้นเพราะมีเจตนาให้ไทยเปลี่ยนแปลงให้ทันกับโลก ดิจิทัล อีโคโนมี เพราะเมื่อการค้ารูปแบบใหม่เข้ามา คนฐานรากจะลำบาก หากไม่ทันกับโลกดิจิทัล ใครที่นำ Deep Tech เข้ามาเปลี่ยนแปลงการทำงานขององค์กรธุรกิจได้เร็วกว่าคนอื่น จะทำให้สามารถหนีคู่แข่งได้ไกลกว่า มองว่าประเทศไทยจำเป็นต้องรื้อระบบทั้งประเทศ ในวันที่โลกเราอยู่ท่ามกลางกระแสเศรษฐกิจดิจิทัล “การใช้ประโยชน์จากบิ๊กดาต้า ไม่เพียงแต่ช่วยให้คนตัวเล็กวางแผนการค้าขายได้ง่ายขึ้น แต่ยังช่วยให้ผู้ที่เชื่อมโยงในระบบการค้าขายผ่านอีคอมเมิร์ซเติบโตไปพร้อมกัน ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนส่งสินค้า ระบบการชำระเงิน หรือแพลตฟอร์มที่เกี่ยวข้องกับอีคอมเมิร์ซ จะเติบโตไปด้วย เพราะสามารถนำข้อมูลเหล่านี้มาใช้ในการวางแผนการทำธุรกิจได้ในด้านการส่งเสริมธุรกิจอีคอมเมิร์ซ กระทรวงฯ จะใช้ประโยชน์จากบิ๊กดาต้า ทั้งข้อมูลพฤติกรรมผู้บริโภคในการเลือกซื้อสินค้า ช่องทางการซื้อขายสินค้า รูปแบบการซื้อขาย การขนส่ง การมีส่วนร่วมของลูกค้าในการเข้าถึงข้อมูลสินค้า เทคโนโลยีการค้า ข้อมูลการค้าภายในและต่างประเทศ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้สามารถนำมาบอกให้กับผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก SME ที่เป็นคนตัวเล็กๆ ซึ่งในอดีตไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ได้ จะเป็นจุดเปลี่ยนในการทำธุรกิจการค้าเป็นอย่างมาก ทั้งการค้าออนไลน์และออฟไลน์ จะมีการเข้าถึงข้อมูลที่เท่าเทียมกัน” รมว.พาณิชย์ กล่าวอีกว่า ตนมีหน้าที่โดยตรงเพื่อให้เศรษฐกิจฐานรากฟื้นตัว คิดว่าสินค้าเกษตรยังมีช่องทางรวยได้ ประเทศไทยสามารถเพาะปลูกได้ทุกที่ แต่ที่ยังยากจนอยู่ทุกวันนี้คือถูกกลไกตลาดกดไว้ เรื่องทุเรียนถือเป็นครั้งแรกที่สามารถรวบรวมทุเรียนที่ตัดใน 120 วัน ผ่านกระบวนการตามสเปก ใส่กล่องแช่แข็ง ส่งไปเมืองจีน ทั้งหมดนี้สะท้อนว่าอีคอมเมิร์ซเปลี่ยนแปลงหมดทั้งระบบผลิต ระบบขนส่ง เชื่อมั่นว่าระบบล้งจะหายไป ถ้าไทยเราทำบิ๊กดาต้าได้ดี ขณะเดียวกันก็จะทำราคาสูงขึ้นได้เพราะคุณภาพสินค้าเป็นไปตามสเปก เรียกว่าเทคโนโลยีช่วยเจาะทะลุธุรกิจได้ทั้งระบบ แผงผัก เขียงหมู โชห่วยรอด การแก้ด้วยวิธีเดิมทำไม่ได้ แต่ที่ทำได้คือการเอาเทคโนโลยีมาแก้ ตัวอย่างที่สำคัญคือการทำโครงการสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งมีการนำเทคโนโลยีการวิเคราะห์ข้อมูลมาช่วยให้เกิดการยกระดับภาพรวมเศรษฐกิจได้ “การแข่งขันเรื่องการค้าไม่จำเป็นต้องทำ FTA เหมือนแต่ก่อน ระบบอีคอมเมิร์ซจะไม่ทำให้เกิดพ่อค้าคนกลางที่เอาเปรียบ เกษตรกรจะได้รับรายได้โดยตรง รวมถึงการควบคุมคุณภาพสินค้า กระทรวงพาณิชย์ กำลังเร่งตั้งกรมธุรกิจบริการใน 3 เดือนก่อนหมดวาระ ซึ่งหากไม่ทำไว้ไทยจะไม่มีหน่วยงานรองรับข้อมูลการค้าที่ทำบนอีคอมเมิร์ซได้เลย” สนธิรัตน์ กล่าวทิ้งท้าย ข่าวอื่นๆ คลิก