แน่นอนว่าในมุมมองขอคนทำงานไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งอะไรก็ตาม นอกจากค่าตอบแทนที่มาในลักษณะของเงินเดือนแล้ว เรื่องที่พวกเขาไม่ได้มองข้าม และต้องการจากผู้ประกอบการ หรือเจ้าของธุรกิจคงหนีไม่พ้นเรื่องของ “สวัสดิการ” ซึ่งแต่ละคนล้วนมีสิ่งที่อยากได้ไม่เหมือนกัน

Smartsme ยกความคิดเห็นของ Rhett Buttle ผู้ก่อตั้ง Public Private Strategies ที่พูดถึงการแข่งขันในเรื่อง “สวัสดิการ” ของธุรกิจขนาดเล็กจำนวนมากที่ดึงดูดคนเก่ง ๆ เข้ามาในองค์กร หารข้อเสนอโดนใจมีหรือที่พวกเขาจะปฏิเสธลง

โดย 5 ข้อแนะนำของ Rhett Buttle เกี่ยวกับสวัสดิการที่ควรนำเสนอให้กับพนักงานมีเรื่องอะไรบ้างนั้น มาดูกัน

ประกันสุขภาพ

ประกันสุขภาพถือว่าเป็นแรงจูงใจอันดับต้น ๆ ที่พนักงานมองบริษัท และมักเป็นเรื่องยากหากจ้างพนักงานเต็มเวลา แล้วเจ้าของธุรกิจไม่ได้เสนอเรื่องนี้ โดยปัจจุบันผู้คนหันมาใส่ใจในเรื่องสุขภาพมากขึ้น รวมถึงการออกมาทำงานในแต่ละครั้งต้องเผชิญกับสิ่งต่าง ๆ ที่มองไม่เห็นรอบตัว เช่น ฝุ่น มลพิษ

ดังนั้น การมีประกันคุณภาพก็เป็นการการันตีว่าพนักงานจะมุ่งมั่นทำงานให้เจ้าของธุรกิจอย่างเต็มที่

สวัสดิการยามเกษียณ

หากคุณต้องการโดดเด่นในธุรกิจ ลองพิจารณาเสนอผลประโยชน์ให้กับพนักงานที่จะได้รับในยามเกษียณดู เช่น การออมในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือมอบเงินขวัญถุงเมื่อถึงเวลาเกษียณก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ

ไม่หักเงินวันลา

กฎที่ไม่เข้มงวดจนเกินไปก็ทำให้พนักงานทำงานได้อย่างสบายใจมากขึ้น โดยปัจจุบันการลาโดยยังคงจ่ายค่าจ้างกลายเป็นผลประโยชน์ที่เจ้าของธุรกิจกำลังทำมากขึ้น ซึ่งเรื่องนี้เอาใจพนักงานไปเลยเต็ม ๆ เพราะบริษัทแสดงความจริงใจ

ประกันชีวิตและทุพพลภาพ

ประกันชีวิตเป็นเรื่องอันดับต้น ๆ ที่ทุกคนควรมี เพราะจะช่วยให้เราทำงานได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องพะวงถึงคนข้างหลังว่าจะลำบากหรือไม่ หากเป็นอะไรไป หรือเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น ดังนั้น ประกันชีวิต และทุพพลภาพ จึงมีความหมายเป็นอย่างมาก

สิทธิประโยชน์ส่วนบุคคล

เรื่องนี้หมายถึงค่าทำงานล่วงเวลา OT, เบี้ยขยัน, รางวัลพนักงานดีเด่น, อาหารกลางวันฟรี แม้จะมองเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่เรื่องเหล่านี้ก็สามารถช่วยให้พนักงานประหยัดค่าใช้จ่าย มีกำลังใจที่จะทำงานต่อไป

เหล่านี้คือเรื่องที่องค์กรใหญ่ ๆ ก็สามารถนำไปปรับใช้ได้เช่นกัน

ที่มา: forbes