วันเสาร์, เมษายน 27, 2567

ตำนานน้ำผลไม้ ดีโด้ 25ปี กับยอดขายหลักพันล้าน

by Smart SME, 13 มิถุนายน 2561

ดีโด้ น้ำผลไม้ที่คนไทยส่วนใหญ่รู้จักกันดีจากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งเห็นคุ้นตาจากขวดน้ำผลไม้รสส้มที่สร้างความสดชื่นให้ผู้ซื้อกลุ่มรายได้น้อยของไทยมายาวนานถึง 25 ปี ครองส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับหนึ่งของตลาดน้ำผลไม้ ที่บริหารจัดการภายใต้ บริษัท ฟู้ดสตาร์ จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ที่ อ.สามพราน จ.นครปฐม  นำทัพโดยผู้บริหารหญิงคนเก่ง คุณ จันทรา พงศ์ศรี เป็นกรรมการผู้จัดการ

ปั้นแบรนด์ใหม่ เจาะตลาดภูธร

จันทราเป็นผู้นำที่รับมอบหมายภารกิจจากบิดา กิตติ พงศ์ศรี ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งกิจการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำผลไม้พร้อมดื่ม ภายใต้แบรนด์ “ดีโด้” เมื่อปี 2536 เพราะมองเห็นโอกาสว่าธุรกิจน้ำผลไม้ยังมีผู้เล่นในตลาดเมืองไทยไม่มากนัก  ซึ่งในช่วงแรกที่เริ่มเปิดตัวผลิตภัณฑ์ ดีโด้ยังไม่เป็นที่รู้จัก เพราะเน้นสร้างตลาดภูธรเป็นหลัก  แต่ด้วยความพยายามและพัฒนาสินค้ามาตลอดเมื่อเข้าปีที่ 4  เริ่มมีฐานลูกค้าเพิ่มมากขึ้นและทำตัวเลขรายได้เติบโตมาโดยตลอดที่เฉลี่ย 8-10% และสามารถครองส่วนแบ่งการตลาดน้ำผลไม้สำหรับผู้บริโภคในระดับรากหญ้า (super economy fruit juice) ที่ 40% ครอบคลุมทั้งน้ำผลไม้พร้อมดื่ม น้ำผลไม้ผสมโยเกิร์ต น้ำผลไม้ผสมวุ้นมะพร้าว น้ำผลไม้หวานเย็นวุ้นชนิดถ้วย น้ำดื่ม และผลิตภัณฑ์อื่นๆ

ไม่สร้างแบรนด์ ตลาดไม่ยั่งยืน

โดยในปี 2560 ทำรายได้ถึง 3 พันล้านบาทและคาดว่าจะเป็น 4 พันล้านบาท หรือเติบโตเพิ่มขึ้น 20% ในปีนี้ แต่การจะประสบความสำเร็จได้ในทุกวันนี้ ต้องยอมรับว่า การทำการตลาดในยุคปัจจุบันมีความยากแตกต่างจากสมัยก่อนอย่างสิ้นเชิง  โดยเฉพาะเรื่องของการสร้างแบรนด์ ดีโด้เริ่มตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างแบรนด์  โดยเริ่มมีภาพยนตร์โฆษณาออกออกมาสื่อสารกับผู้บริโภคในปี 2549 และเพิ่มสีสันให้แบรนด์ยิ่งขึ้นด้วยการใช้คนดังระดับพระเอกละครที่กำลังร้อนแรงในยุคนั้นอย่าง Stephan หรือ ฐสิษฐ์ สินคณาวิวัฒน์ มาเป็นตัวแทนนำเสนอสินค้าเมื่อปี 2551 และการทำการตลาดของแบรนด์ดีโด้ ไม่เคยหยุดนิ่ง ล่าสุดได้ทุ่มงบถึง 200 ล้านบาทจ้าง Mario Maurer (มาริโอ้ เมาเร่อ) เป็นพรีเซนเตอร์หนังโฆษณา ออกอากาศทั้งในเมืองไทย และกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านทั้งเมียนมา สปป.ลาว กัมพูชา และเวียดนามเพื่อตอกย้ำการเป็นผู้นำในตลาดอาเซียนให้เข้มข้นกว่าเดิม ขณะเดียวกันดีโด้ยังปรับภาพลักษณ์ผลิตภัณฑ์ให้ทันสมัย เจาะกลุ่มวัยรุ่นคนเมืองมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการปรับบรรจุภัณฑ์น้ำผลไม้ดีโด้ให้ทันสมัย จากขวดเหลี่ยมเป็นขวดกลม การมีไลเซ่นส์โดราเอมอนบนผลิตภัณฑ์น้ำผลไม้หวานเย็น เพื่อให้ดึงดูดความสนใจจากลูกค้ามากขึ้น

บุกตลาดต่างแดน

ต้องยอมรับว่าดีโด้เก่งมากในเรื่องของการกระจายสินค้าให้ครอบคลุมทุกภูมิภาค ทำให้ดีโด้เป็นที่รู้จักของผู้บริโภคเพื่อนบ้านผ่านตลาดการค้าริมชายแดน  นี่จึงเป็นโอกาสที่ดีโด้ได้เริ่มส่งออกไปยังประเทศต่างๆกว่า 20 ประเทศ อาทิ เวียดนาม ลาว พม่า กัมพูชา ซึ่งในปีนี้ดีโด้ตั้งเป้าขยายตลาดไปในอีก 3 ประเทศ คือ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และจีน ส่วนแผนธุรกิจในเมืองไทย จันทราเตรียมขยายเครือข่ายศูนย์กระจายสินค้าทั่วประเทศให้เพิ่มขึ้นมีการลงทุนเครื่องจักรใหม่เสริมศักยภาพการผลิตได้เร็วขึ้น ควบคู่กับการทำให้ต้นทุนการผลิตดีขึ้นด้วย ขณะเดียวกันก็จะประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นในหมู่ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าประเภทอาหาร โดยในปีนี้ทิศทางในปี 2561 บริษัทตั้งเป้ารายได้รวม 3,500 ล้านบาท แบ่งสัดส่วนในต่างประเทศ 60% ไทย 40%

ใจแลกใจธุรกิจขับเคลื่อนได้ไว

สำหรับสิ่งที่คุณจันทรา ยึดถือมาตลอดช่วงเวลาที่เป็นผู้นำทัพ คือการเอาใจใส่กับทุกอย่างที่กำลังทำรวมถึงเอาใจใส่บุคลกรทุกระดับภายในองค์กร เพราะเชื่อว่าการเติบโตขององค์กรจะไปได้ดีต้องมาจากความเชื่อมั่นของคนในองค์กรมาจากใจแลกใจ ทำทุกอย่างด้วยใจแล้วทุกอย่างจะออกมาดี นับว่าเป็นผู้บริหารจิ๋วแต่แจ๋วจริงๆ  หากผู้ประกอบการท่านใดที่กำลังทำธุรกิจหรือกำลังจะเริ่ม เชื่อว่า ถ้าเรามีทัศนคติที่ดี มีความเป็นผู้นำที่ดี เราจะได้ใจหุ้นส่วน ลูกน้อง ตลอดจนถึงลูกค้าของเราได้อย่างง่ายดายเลยทีเดียว บทความที่เกี่ยวข้อง

Mostview

หนุ่มอายุ 25 ปี ใช้ AI สร้างรายได้เกือบ 2 ล้านบาท ใช้เวลาแค่ 2 เดือน

เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ถูกพูดถึงอย่างในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่ามา และคาดการณ์ว่าจะเข้ามามีบทบาทเป็นส่วนหนึ่งของการทำธุรกิจต่อไปในวันข้างหน้า

เปิดธุรกิจที่ได้รับประโยชน์ หากเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เริ่มใช้งาน

ผลสำรวจบอกผู้มีสิทธิ์ใช้เงินดิจิทัลวอลเล็ต จะเลือกใช้จ่ายร้านค้าท้องถิ่น 40% รองลงมาเป็นร้านสะดวกซื้อ เช่น CJ, 7-Eleven 26%

ธุรกิจอีคอมเมิร์ซมาแรง คนไทยซื้อผ่านแพลตฟอร์ม 67% คาดมูลค่าปี 2567 แตะ 7 แสนล้านบาท

ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผยว่าธุรกิจอีคอมเมิร์ซมาแรงต่อเนื่อง โตแบบฉุดไม่อยู่ ปี 2566 มีมูลค่า 6.34 แสนล้านบาท คาดการณ์ปี 2567 มูลค่าแตะ 7 แสนล้านบาท และปี 2568 มูลค่าทะลุ 7.5 แสนล้านบาท

จับตาราคา “เนย” เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ในตลาดโลกใกล้แตะระดับสูงสุดเท่าทีเคยมีมา

ไม่ใช่ “โกโก้” เท่านั้นที่ราคาพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์จากปัจจัยเรื่องของสภาพอากาศที่เลวร้าย และโรคที่มากับพืชจนส่งผลกระทบต่อแหล่งเพาะปลูก ทำให้ได้ผลผลิตน้อย นำมาสู่การปรับราคาของสินค้าที่มี “โกโก้” เป็นส่วนผสม ซึ่งคาดการณ์ว่าราคาจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ

SmartSME Line