สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า กู๊ดเยียร์ บริษัทยางรถยนต์ชื่อดังของโลก ย้ายฐานการผลิตออกจากเวเนซูเอลา และปลดพนักงานเมื่อวันจันทร์ที่ 10 ธ.ค. 61 ที่ผ่านมา พร้อมจ่ายเงินค่าชดเชยให้แก่พนักงานกว่า 1,200 คนและแจกล้อยาง 10 เส้น ซึ่งมีค่ามหาศาล เนื่องจากเป็นสิ่งที่ประเทศกำลังขาดแคลน
โดยปีนี้ ถือเป็นปีแห่งความวุ่นวายทางเศรษฐกิจของเวเนฯ มากที่สุด เพราะบริษัทลงทุนจากต่างชาติต่างทยอยย้ายฐานผลิต เช่น เคลลอค (Kellogg) คิมเบอร์ลีย์ คลาร์ก (Kimberley Clark) เนื่องจากภาวะเงินด้อยค่า ผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจในรูปแบบสกุลเงินท้องถิ่นจึงขาดความมั่นคง
ปัจจุบันประเทศเวเนซุเอลากำลังเผชิญวิกฤติปัญหาเงินเฟ้อ 80,000% และคาดว่าจะขยับไปถึง 1,000,000%
ปัญหาที่เกิดขึ้นต้องย้อนไปเมื่อปี 1976 การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของอุตสาหกรรมน้ำมันในเวเนฯ ที่ประธานาธิบดีคาร์ลอส เปเรซ ออกนโยบายยึดธุรกิจพลังงานเอกชน กลับมาเป็นของรัฐฯ และตั้งหน่วยงาน Petroleos de Venezuela S.A. เพื่อควบคุมกิจการพลังงานในประเทศทั้งหมด และหมุนกลับให้ประชาชนผ่านโครงการต่างๆ จนชาวเวเนซุเอลาเสพติดการได้เงินสบายๆ โดยไม่รู้ตัว
โดยเฉพาะในปี 1999 ยุคของรัฐบาลฮูโก้ ชาเวซ ที่มีการแจกเงินอย่างไร้ประสิทธิภาพ เช่น โครงการบ้านพักราคาต่ำกว่าท้องตลาด สินค้าถูกกว่าทุน แต่ก็อยู่ได้เพราะมีเงินจากน้ำมันมาอุดหนุน ซึ่งสวนทางกับธุรกิจส่วนใหญ่ที่อยู่ไม่ได้และปิดตัวไป หรือถูกรัฐมาควบคุมการผลิตของขายเอง รวมถึงการตรึงราคาสินค้าบางตัว แล้วนำมาขายกันในตลาดมืด
ปี 2014 ราคาน้ำมันลดลง ทำให้กระทบต่อรายได้ของเวเนฯ ที่ผูกไว้กับน้ำมันเกือบ 100% ปี 2016 ราคาน้ำมันยังคงลดลงต่อเนื่อง ทำให้สถานการณ์ในประเทศเข้าขั้นวิกฤต เมื่อรัฐไม่มีเงินมาจ่ายเงินเดือนพนักงาน ถึงขั้นต้องให้หยุดงาน และมาทำแค่สัปดาห์ละ 2-3 วัน การล่มสลายทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้ประเทศเวเนซุเอลามีคนแค่ 2 ชนชั้น คือคนรวยมาก และคนจนที่ไม่มีอันจะกิน แม้แต่ชนชั้นกลางก็เริ่มกลายมาเป็นคนจน
ต่อมารัฐบาลมาดูโร่ พยายามแก้ปัญหาเงินเฟ้อหลายวิธี เช่น การเพิ่มเงินเดือนขั้นต่ำ 30 เท่า การสร้างเงินสกุลใหม่ที่มีค่ามากกว่าเงินสกุลเดิม 100,000 เท่า แต่ก็ไม่เป็นผล ทำให้คนจนในเวเนฯ ในปัจจุบันต้องเลือกระหว่าง จะเป็นพวกแบมือขอ หรือดิ้นรนไปตายเอาดาบหน้า เพราะกว่า 4 ล้านคน จากทั้งหมดราว 32 ล้านคน ได้ลี้ภัยไปยังประเทศเพื่อนบ้านอย่างบราซิล หรือโคลัมเบีย
ซึ่งการย้ายฐานผลิตของกู๊ดเยียร์ครั้งนี้ นับเป็นอีกหนึ่งผลพวงจากการบริหารประเทศที่ผิดพลาด จนเกิดวิกฤติเงินเฟ้อที่พุ่งสูง