วันพุธ, พฤษภาคม 15, 2567

ภาวะผู้นำ (Leadership)

by Smart SME, 17 มีนาคม 2558

ภาวะผู้นำ (Leadership)

 

โดย อาจารย์สุรวัฒน์ ชมภูพงษ์
มหาวิทยาลัยกรุงเทพ

 

               “ผู้นำที่แท้จริงคือผู้นำที่มีผู้ศรัทธาอยากที่จะเดินตาม” คำกล่าวข้างต้นนั้นเป็นความจริงที่คงไม่มีใครกล้าปฏิเสธเพราะการจะเป็น “ผู้นำ” คนนั้น มิใช่นึกอยากจะเป็นก็ลุกขึ้นมาประกาศตัวเองแล้วหวังว่าจะมีคนมาเดินตาม เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นน่าจะเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนแล้วล่ะครับ  เคยสังเกตกันบ้างมั้ยครับว่าทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นในองค์กร  ระดับประเทศหรือระดับโลก  ผู้คนมักจะสงบนิ่งอยู่ก่อนเพื่อเฝ้ามองและดูท่าทีของผู้นำคนใหม่ว่าจะมีพฤติกรรมหรือความคิดความอ่านเป็นเช่นใด  จะเข้ามาทำการเปลี่ยนแปลงแบบ “หน้ามือเป็นหลังมือ”  หรือแบบ “ค่อยเป็นค่อยไป”  ผู้นำบางคนมีบุคลิก “โฉ่งฉ่าง” บางคนมาแบบ “น้ำนิ่งไหลลึก” บางคนมีลีลา “ใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว” แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม  พอเวลาผ่านไปได้สักระยะหนึ่ง สภาพความเป็นตัวตนที่แท้จริงของผู้นำนั้นๆ ก็จะปรากฏออกมาให้สาธารณชนได้เห็น  จะเห็นดีเห็นงามด้วยหรือไม่  บางครั้งมันก็ขึ้นอยู่กับวิธีการของผู้นำคนนั้นๆ  ผู้นำบางคนถึงกับไม่แน่ใจในสภาพที่แท้จริงของตนเอง  จึงต้องจ้างมืออาชีพเข้ามาสร้างหรือบางครั้งถึงขั้นกอบกู้  “ภาพลักษณ์” ของตนเองให้ดูดี  ดูเด่นเพื่อให้เป็นที่ยอมรับต่อไป

               ความเข้าใจเรื่อง “ภาวะผู้นำ” ของผู้คนในสังคมทุกวันนี้ยังไม่เข้าใจกันถ่องแท้นัก เพราะบางครั้งพากันเข้าใจไปว่าใครก็ตามที่ได้รับแต่งตั้งมีตำแหน่งเป็นนั่นเป็นนี่  ซึ่งอาจจะพอเรียกได้ว่าเป็น “ผู้บริหาร” เท่านั้น  แต่ถ้าเป็นผู้บริหารที่ปราศจาก “ภาวะผู้นำ” ผู้บริหารนั้นก็มิใช่ “ผู้นำ”  ในขณะที่คนบางคนมี “ภาวะผู้นำ”  แต่ไม่ได้รับการแต่งตั้ง เขาจึงไม่ได้เป็น “ผู้บริหาร”  แต่ถ้าใครก็ตามได้รับแต่งตั้งเป็น “ผู้บริหาร” และมี “ภาวะผู้นำ” ด้วย  นั่นแหล่ะ จึงจะเรียกได้ว่าเป็น “ผู้นำ” อย่างแท้จริง 

               ดังนั้นเราจึงควรมาทำความเข้าใจให้ถ่องแท้ว่า “ผู้นำ” นั้นย่อมหมายถึงคนที่มีอิทธิพลชักนำหรือโน้มน้าวให้คนอื่นเกิดความศรัทธาอยากที่จะทำตาม เพราะเขาสามารถที่จะกำจิตใจของลูกน้องไว้ได้  และมีศิลปะจูงใจให้ลูกน้องปฏิบัติตามความประสงค์ด้วยความเต็มใจที่จะปฏิบัติตามคำสั่งโดยไม่มีข้อแม้จนบรรลุภารกิจ  ผู้นำจะต้องเป็นผู้ที่ได้รับความเคารพนับถือ  ศรัทธา  รักและยำเกรง จนเป็นศูนย์รวมแห่งพลังของคนในองค์กร  เขาจึงเป็นดุจดวงประทีปของหน่วยงาน เป็นสัญลักษณ์และหลักชัยในการดำเนินงาน โดยมีคุณสมบัติที่คนมี “ภาวะผู้นำ” (Leadership) พึงมีดังนี้ คือ

               L  =  Lively   เป็นบุคคลที่มีชีวิตชีวา  ใครเข้าใกล้ก็จะรู้สึกอบอุ่น เต็มเปี่ยมไปด้วยอัธยาศัยไมตรี บุคคลประเภทนี้มักจะรู้จักบริหารเวลาทั้งกับหน้าที่การงานและชีวิตส่วนตัว และถ้าหากมีความสุขกับการทำงานด้วยแล้ว ความสดใส ความมีชีวิตชีวาจะบังเกิดมากยิ่งขึ้นจนเป็นที่ประจักษ์

               E  =  Encourage  รู้จักบำรุงน้ำใจผู้คนโดยเฉพาะเพื่อนร่วมงานและผู้ใต้บังคับบัญชา  หากมีอะไรส่งเสริมสนับสนุนได้  เขาจะไม่รั้งรอที่จะกระทำทันที

               A  =  Active   เป็นผู้ที่มีความคล่องแคล่ว  กระตือรือร้น แสวงหาความรู้ใหม่ๆ ตลอดเวลา  ทำให้บรรยากาศในที่ทำงานกระฉับกระเฉงกระชุ่มกระชวย

               D  =  Decisive   มีความกล้าหาญในการตัดสินใจและมีความเด็ดขาด เนื่องจากมีความรู้ มีประสบการณ์และข้อมูลแน่นหนาในการตัดสินใจ

               E  =  Endurance  มีความอดทนอดกลั้นต่อปัญหาที่รุมเร้าเข้ามาในทุกรูปแบบ ทั้งเรื่องการบริหารงานและบริหารคน 

               R  =  Responsible   มีความรับผิดชอบต่อภารกิจทุกอย่างที่เกิดขึ้นในองค์กร ทั้งจากการกระทำของตนเองและผู้ใต้บังคับบัญชา

               S  =  Smart   มีความเฉลียวฉลาด  สง่างามในทุกท่วงท่า อิริยาบถ ทั้งความคิดและการกระทำ

               H  =  Healthy   มีสุขภาพทั้งกายและจิตใจดี  โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องรู้จักการผ่อนคลายและกำจัดความเครียดที่อาจจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา

               I  =  Informative   มีความสนใจและติดตามข้อมูลข่าวสาร ทั้งจากภายในและภายนอกองค์กร

               P  =  Polite  มีความสุภาพอ่อนโยน  อ่อนน้อมถ่อมตนจนเป็นที่เลื่องลือและยอมรับของทุกฝ่าย

               จากที่กล่าวมาทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่มีความสำคัญต่อการเป็น “ผู้นำ” ที่มี “ภาวะผู้นำ”  เท่านั้น  ยังมีองค์ประกอบหรือปัจจัยอื่นๆ อีกมากมายที่จะต้องศึกษาและเรียนรู้ อาทิ การเข้าใจในธรรมชาติของคน  ศิลปะการตำหนิ  วัฒนธรรมองค์กร  วัฒนธรรมท้องถิ่น  การคิดในเชิงบวกและสร้างสรรค์ 

               แต่อย่างไรก็ตาม  ปัจจัยสำคัญที่สุดที่น่าจะพึงตระหนักก็คือ บางครั้ง “ผู้นำ”  อาจจะไม่ต้องเก่งหมดทุกเรื่องก็ได้  เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นผู้ใต้บังคับบัญชาก็จะรู้สึกว่าตนไม่ได้มีโอกาสที่จะได้แสดงความสามารถอะไรบ้างเลย เพราะ “ผู้นำ” รู้ไปหมดเสียทุกเรื่อง  ดังนั้นคำสอนของผู้ใหญ่จึงมักเตือน “ผู้นำ” ว่า  “การแกล้งทำเป็นโง่นั้น บางครั้งเป็นความฉลาดที่สุด”  แต่คนโบราณก็ยังคงสอนลูกหลานกำกับไว้อีกด้วยนะครับว่า  “โง่ไม่เป็น เป็นใหญ่ยาก  โง่มากๆ ก็ยากที่จะเป็นใหญ่”


Mostview

4 สิ่งของคนเลี้ยงลูกประสบความสำเร็จไม่เคยสอนตอนเมื่อลูกยังเล็ก

ครอบครัวถือเป็นสถาบันหลักสำคัญในการสั่งสอนลูกว่าจะเป็นคนอย่างไร โดยช่วงเวลาที่ผ่านมาเราได้ยินว่าควรทำอย่างไรกับลูกของเรา และเรื่องไหนที่ไม่ควรทำกับลูกของเรา

แม็คโคร-โลตัส ไตรมาสแรกปี 2567 ทำรายได้รวม 127,020 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2,481 ล้านบาท

บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT เผยผลประกอบการในช่วงไตรมาส 1/67 พบว่ามียอดรายได้รวม 127,020 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับปีก่อน มีกำไรสุทธิ 2,481 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับปีก่อน

เกษตรกรเวียดนามไม่ทนหันปลูกทุเรียนส่งออกจีนแทนปลูกกาแฟที่ขาดแคลน แถมราคาถูกกว่า

ราคากาแฟโรบัสต้าทั่วโลกพุ่งแตะระดับสูงสุดเมื่อเดือนที่ผ่านมา โดยเวียดนามซึ่งเป็นผู้ผลิตเมล็ดกาแฟรายใหญ่ที่สุด กำลังต่อสู้กับภัยแล้ง รวมถึงเกษตรกรได้เปลี่ยนมาปลูกทุเรียนแทน

คนไทย 30% ไม่มีเงินเก็บสำหรับการเกษียณ และ 60% มีเงินเก็บไม่ถึง 200,000 บาท

ภายในงาน KKP Financial Talk: Money Master #เรื่องเงินอย่าปล่อยให้รู้งี้ ซึ่งมีการพูดถึงปัญหาและคำแนะนำให้กับ Sandwich Generation ผู้แบกภาระการดูแลทั้งคนรุ่นก่อน และรุ่นหลังไว้ ในขณะที่เศรษฐกิจไม่เกื้อหนุนให้พวกเขาได้สบายขึ้น

SmartSME Line