วันศุกร์, เมษายน 26, 2567

ขี้ชะมดหลบไป ครูไทยคิดค้น “กาแฟขี้ควาย” กิโลละหมื่น!

by Anirut.j, 10 มิถุนายน 2562

ครูไทย ไอเดียเจ๋ง! คิดค้น “กาแฟขี้ควาย” ขายกิโลละหมื่นบาท! ต่างชาติแห่ขอเป็นตัวแทนขาย แถมช่วยสร้างงาน สร้างรายได้ให้ชุมชน

คุณสุรสิทธิ์ ปุสุรินทร์คำ วัย 53 ปี อาจารย์หัวหน้าแผนกเทคโนโลยีศิลปกรรม วิทยาลัยอาชีวศึกษาเชียงราย ผู้คิดค้น “กาแฟขี้ควาย” ขึ้นเป็นคนแรกของประเทศไทย เปิดเผยว่า “กาแฟขี้ควาย” เป็นภูมิปัญญาจากท้องถิ่น เพราะที่บ้านปางควาย เป็นหมู่บ้านที่มีทรัพยากรทางธรรมชาติอันสมบูรณ์และสวยงาม อีกทั้งยังเป็นหมู่บ้านที่ทำการเกษตรแบบดั้งเดิมด้วย

ทั้งนี้จุดเริ่มต้นของความคิดดังกล่าว เกิดจาก อ.สุรสิทธ์ มีโอกาสได้ทำงานจิตอาสาเกี่ยวกับศาสตร์ของพระราชา ที่พูดถึงเรื่องการมองให้ลึกซึ้ง อีกทั้งคุณสุรสิทธิ์ มีความต้องการสร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลิตภัณฑ์ชุมชนอยู่แล้ว และมีโอกาสได้ไปที่ดอยช้าง หนึ่งในแหล่งผลิตกาแฟรายใหญ่ของเชียงราย ที่มีการทำกาแฟขี้ชะมด กาแฟที่ได้ชื่อว่าดีและมีราคาแพงที่สุดในโลก ทำให้ อ.สุรสิทธิ์ทราบว่ากาแฟขี้ชะมดที่ดอยช้างยังมีกลุ่มคอกาแฟที่ยังบริโภค และได้รับความนิยมอยู่เหมือนกัน แม้ว่าราคาจะสูงถึงกิโลละ 3 หมื่น ทำให้เขานึกถึง “ควาย” จึงลองนำกาแฟมาให้ควายกิน จึงเกิดเป็นกาแฟขี้ควาย ดังกล่าว

“ตอนแรกๆ ที่เล่าให้ใครๆ ฟัง เขาก็หัวเราะกัน แต่ผมมองเห็นข้อดีของควาย เลยเลือกทำ ก็ไปศึกษาการเลี้ยงชะมด เพื่อมาทำกาแฟขี้ชะมด แล้วก็มาลองกับควายดู โดยผมมีควายอยู่ 60 ตัว เป็นควายของชาวบ้านที่เห็นว่าเขาจะเอาไปขาย ก็ไปคุย ชักชวนให้เขามาทำงานร่วมกัน แรกๆ ควายมันก็ไม่กิน แต่ก็มานั่งสังเกตว่า นอกจากพวกหญ้า ควายมันก็กินพวกฝักจามจุรี เลยนำฝักจามจุรีมาผสมกับกากน้ำตาล แล้วหมักให้มีรสหวานๆ อมเปรี้ยว ลองเอามาให้ควาย นั่นแหละมันถึงได้กิน” อ.สุรสิทธิ์ กล่าว

ทั้งนี้ อ.สุรสิทธ์ ยังอธิบายให้ฟังเพิ่มเติมว่า เมื่อควายกินเม็ดกาแฟเข้าไปแล้ว เม็ดกาแฟจะย่อยอยู่ในท้องควาย 2 วันจึงจะถูกขับถ่ายออกมา เขาจึงจ้างให้ชาวบ้านแยกเม็ดกาแฟออกให้ โดยให้นำขี้ควายไปผสมกับปลายข้าวมาให้ไก่กิน พอไก่จิกกินก็ทำให้เห็นเม็ดกาแฟชัดขึ้น จากนั้นก็เอามาล้างน้ำ แกะเปลือกล้างเมือก แล้วก็ผึ่งให้แห้ง ทิ้งไว้ประมาณ 4 เดือน เพื่อให้ได้รสชาติและความหอม สามารถนำไปคั่วชงได้

ส่วนค่าจ้างที่จ้างให้ชาวบ้านแยกเม็ดกาแฟให้ ครูสุรสิทธิ์ให้ราคา กก.ละ 100 บาท โดยให้เหตุผลว่า ต้นทุนกาแฟขี้ควาย กก.ละ 2,000 บาท ซึ่งเขาตั้งราคาขายไว้ กก.ละ 10,000 บาท ให้ราคาค่าจ้างกับชาวบ้านเท่านี้ ก็ถือว่ายุติธรรมดี เพราะแค่อาศัยเอาขี้ควายไปขาย ได้ กก.ละ 20–30 บาทเท่านั้น เป็นการช่วยเหลือเพิ่มรายได้ชาวบ้านในชุมชนอีกทางหนึ่งด้วย

อ.สุรสิทธิ์ เล่าต่อว่า จากวันที่เริ่มลงมือทำจนถึงวันนี้ เป็นเวลากว่า 7 ปีแล้ว ที่กาแฟขี้ควายเกิดขึ้นมา ในช่วงที่ทำขายแรกๆ นั้นไม่ประสบความสำเร็จตามที่คาดหวังเอาไว้ ถึงขนาดที่ว่าเกือบจะเจ๊งไปเลยเหมือนกัน จนวันหนึ่งมีรายการหนึ่งได้มาเจอกาแฟขี้ควายมาถ่ายทำ และออนแอร์ออกไป ก็ทำให้กาแฟขี้ควายเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมมากขึ้น ส่งผลให้เริ่มมีคนสนใจเข้ามาลองชิมและสั่งซื้อกลับบ้าน จึงทำให้มีรายได้ในระดับที่พอกินพอใช้

“สำหรับ “กาแฟขี้ควาย” จะมีรสชาติขมและเปรี้ยว แต่ไม่มาก ซึ่งรสเปรี้ยวนั้นจะเปลี่ยนเป็นรสหวานชุ่มคอในเวลาต่อมา ซึ่งถือเป็นรสชาติใหม่ของวงการกาแฟ และกาแฟขี้ควายก็มีราคาถูกกว่ากาแฟขี้ชะมดและกาแฟขี้ช้าง ตอนนี้ก็มีคนไทยที่อยู่ต่างประเทศมาติดต่อขอเอาไปขายที่ต่างประเทศ ซึ่งก็ตรงกับการตลาดที่วางไว้ ว่าจะตีตลาดต่างชาติก่อนแล้วค่อยกลับมาเจาะตลาดที่ไทย เพราะด้วยนิสัยคนไทย ถ้าต่างประเทศเขาฮิตอะไร เดี๋ยวบ้านเราก็ฮิตตาม” อ.สุรสิทธิ์ กล่าว


ทั้งนี้ กาแฟขี้ควาย จำหน่ายในราคากิโลกรัมละ 10,000 บาท, ขนาด 50 กรัม ราคา 500 บาท และหากใครอยากไปลองชิมกันสดๆ ก็มีจำหน่ายในราคาช็อตละ 150 บาท ที่ปางควาย บ้านห้วยน้ำราด อำเภอแม่จันทร์ จังหวัดเชียงราย

อ่านเพิ่มเติม


Mostview

หนุ่มอายุ 25 ปี ใช้ AI สร้างรายได้เกือบ 2 ล้านบาท ใช้เวลาแค่ 2 เดือน

เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ถูกพูดถึงอย่างในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่ามา และคาดการณ์ว่าจะเข้ามามีบทบาทเป็นส่วนหนึ่งของการทำธุรกิจต่อไปในวันข้างหน้า

เปิดธุรกิจที่ได้รับประโยชน์ หากเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เริ่มใช้งาน

ผลสำรวจบอกผู้มีสิทธิ์ใช้เงินดิจิทัลวอลเล็ต จะเลือกใช้จ่ายร้านค้าท้องถิ่น 40% รองลงมาเป็นร้านสะดวกซื้อ เช่น CJ, 7-Eleven 26%

ธุรกิจอีคอมเมิร์ซมาแรง คนไทยซื้อผ่านแพลตฟอร์ม 67% คาดมูลค่าปี 2567 แตะ 7 แสนล้านบาท

ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผยว่าธุรกิจอีคอมเมิร์ซมาแรงต่อเนื่อง โตแบบฉุดไม่อยู่ ปี 2566 มีมูลค่า 6.34 แสนล้านบาท คาดการณ์ปี 2567 มูลค่าแตะ 7 แสนล้านบาท และปี 2568 มูลค่าทะลุ 7.5 แสนล้านบาท

จับตาราคา “เนย” เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ในตลาดโลกใกล้แตะระดับสูงสุดเท่าทีเคยมีมา

ไม่ใช่ “โกโก้” เท่านั้นที่ราคาพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์จากปัจจัยเรื่องของสภาพอากาศที่เลวร้าย และโรคที่มากับพืชจนส่งผลกระทบต่อแหล่งเพาะปลูก ทำให้ได้ผลผลิตน้อย นำมาสู่การปรับราคาของสินค้าที่มี “โกโก้” เป็นส่วนผสม ซึ่งคาดการณ์ว่าราคาจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ

SmartSME Line