ใช่ว่าจะขายดี สตาร์บัคส์ในอังกฤษเกือบ 1,000 แห่ง ผลประกอบการขาดทุนกว่า 600 ล้านบาท
by Anirut.j, 29 มิถุนายน 2562
สตาร์บัคส์อาจต้องปิดสาขา และสูญเสียรายได้ไปจำนวนมากในตลาดสำคัญของยุโรป
สตาร์บัคส์ รายงานผลประกอบการของธุรกิจว่า ร้านกาแฟในสหราขอาณาจักร ต้องพบกับผลประกอบการขาดทุนไป 22 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 675 ล้านบาท) หลังสิ้นสุดเดือนกันยายน 2018 โดยมาจากปัจจัยในส่วนการปิดสาขา และค่าแรงการจ้างพนักงานที่สูงขึ้น
สำหรับสหราชอาณาจักร ถือว่าเป็นตลาดใหญ่อันดับ 6 ของสตาร์บัคส์ โดยมีร้านค้าจำนวนทั้งหมด 994 แห่ง ต่อจากสหรัฐฯ, จีน, แคนาดา, ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้
ที่ผ่านมา ธุรกิจจากสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นอาหาร และร้านค้าปลีกต้องดิ้นรนอย่างหนักในสหราชอาณาจักร จากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันไปสั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากยิ่งขึ้น รวมถึงสถานการณ์ความไม่แน่นอนในเรื่อง Brexit ซึ่งสตาร์บัคส์ก็เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ต้องเผชิญกับการแข่งขันในเรื่องนี้เช่นกัน
Martin Brok ประธานร้านสตาร์บัคส์ดำเนินงานในยุโรป, ตะวันออกกลาง และแอฟริกา กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค ไปสู่ค่าเช่าที่สูง และการเมืองที่ไม่มีความแน่นอน ทำให้เกิดแรงกดดันต่อเนื่องทั่วภูมิภาค ซึ่งสตาร์บัคส์แก้ปัญหาด้วยการเปลี่ยนแปลงการให้บริการที่มีต่อลูกค้า ตลอดจนหลุดพ้นจากวัฒนธรรมเดิมๆ ที่มีมา
“บริษัทจะขยายร้านค้าแบบ drive-thru และทดลองให้บริการส่งกาแฟแบบเดลิเวรี่ร่วมกับพาร์ทเนอร์อย่าง Uber Eats ในพื้นที่ของกรุงลอนดอน และเมืองอื่นๆ ในยุโรป, ตะวันออกกลางภายในปีนี้
ที่มา: CNN
Mostview
หนุ่มอายุ 25 ปี ใช้ AI สร้างรายได้เกือบ 2 ล้านบาท ใช้เวลาแค่ 2 เดือน
เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ถูกพูดถึงอย่างในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่ามา และคาดการณ์ว่าจะเข้ามามีบทบาทเป็นส่วนหนึ่งของการทำธุรกิจต่อไปในวันข้างหน้า
เปิดธุรกิจที่ได้รับประโยชน์ หากเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เริ่มใช้งาน
ผลสำรวจบอกผู้มีสิทธิ์ใช้เงินดิจิทัลวอลเล็ต จะเลือกใช้จ่ายร้านค้าท้องถิ่น 40% รองลงมาเป็นร้านสะดวกซื้อ เช่น CJ, 7-Eleven 26%
ธุรกิจอีคอมเมิร์ซมาแรง คนไทยซื้อผ่านแพลตฟอร์ม 67% คาดมูลค่าปี 2567 แตะ 7 แสนล้านบาท
ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผยว่าธุรกิจอีคอมเมิร์ซมาแรงต่อเนื่อง โตแบบฉุดไม่อยู่ ปี 2566 มีมูลค่า 6.34 แสนล้านบาท คาดการณ์ปี 2567 มูลค่าแตะ 7 แสนล้านบาท และปี 2568 มูลค่าทะลุ 7.5 แสนล้านบาท
จับตาราคา “เนย” เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ในตลาดโลกใกล้แตะระดับสูงสุดเท่าทีเคยมีมา
ไม่ใช่ “โกโก้” เท่านั้นที่ราคาพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์จากปัจจัยเรื่องของสภาพอากาศที่เลวร้าย และโรคที่มากับพืชจนส่งผลกระทบต่อแหล่งเพาะปลูก ทำให้ได้ผลผลิตน้อย นำมาสู่การปรับราคาของสินค้าที่มี “โกโก้” เป็นส่วนผสม ซึ่งคาดการณ์ว่าราคาจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ