วันอาทิตย์, เมษายน 28, 2567

ส่อง! แผนงานเร่งแก้ปัญหาปากท้องของรัฐบาลที่ครอบคลุม 5 กลุ่มเป้าหมาย

by Anirut.j, 2 มกราคม 2563

รัฐบาลได้เตรียมแผนงานเพื่อเร่งแก้ปัญหาปากท้องโดยครอบคลุม 5 กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ 1.เกษตรกร 2.ผู้มีรายได้น้อย 3.ผู้สูงอายุ 4.ลูกจ้าง และ 5. ผู้ประกอบการ SME และ Startups

แผนงานเร่งแก้ปัญหาปากท้องของรัฐบาล มุ่งมั่นที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยมีการออกแบบให้มีความเหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

1. กลุ่มเกษตรกร มุ่งสร้างเกษตรครบวงจร และเกษตร BCG

ใช้ข้อมูลความต้องการของตลาดในประเทศ, ตลาดส่งออก และตลาดสินค้าเกษตร BCG/เกษตรแปรรูป เข้ามาช่วยกำหนดการผลิตพืชแต่ละชนิดให้กับเกษตรกร ควบคู่ไปกับแผนบริหารจัดการน้ำเพื่อการเกษตรตามบริบทของพื้นที่ แผนการทำเกษตรแปลงใหญ่ และใช้นวัตกรรมเข้ามาช่วยลดต้นทุนในการผลิต อย่างไรก็ตาม ระยะเปลี่ยนผ่านอาจจะยังต้องมีการสนับสนุนต้นทุนการผลิตสำหรับพืชบางชนิด

อีกทั้ง การทำประกันภัยพืชผลจากความเสี่ยงของภัยธรรมชาติยังเป็นสิ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญ รวมถึงนโยบายรักษาเสถียรภาพของราคาสินค้าเกษตรผ่านมาตรการที่เหมาะสมสำหรับพืชแต่ละชนิด เช่น มาตรการสินเชื่อชะลอการขาย, สินเชื่อรวบรวมข้าวเพื่อดูดซับปริมาณผลผลิตจากท้องตลาดในช่วงที่ผลผลิตออกพร้อมกัน หรือมาตรการส่งเสริมให้นำพืชผลทางการเกษตรไปใช้มากขึ้น โดยหลีกเลี่ยงการแทรกแซงกลไกราคาตลาด อย่างเช่น นโยบายส่งเสริมน้ำมันไบโอดีเซล บี10 เป็นต้น

2. กลุ่มผู้มีรายได้น้อย

นำข้อมูลของผู้มีบัตรสวัสดิการจำนวน 14.6 ล้านคน มาวิเคราะห์พิจารณากำหนดเกณฑ์คุณสมบัติของผู้มีรายได้น้อย เพื่อนำไปสู่การขึ้นทะเบียนผู้มีรายได้น้อยประจำปี 2563 แบ่งเป็น 4 ด้านหลัก คือ

1) สวัสดิการขั้นพื้นฐาน ที่ควรจะจัดสรรตามความจำเป็นที่แตกต่างกันในแต่ละกลุ่ม เช่น ผู้สูงอายุ ผู้พิการ เกษตรกร

2) การพัฒนาทักษะทางอาชีพ ที่สอดคล้องกับบริบทของการทำงานและการจ้างงานในพื้นที่

3) การหางานให้ทำ ทั้งงานที่มีนายจ้าง การรับงานไปทำที่บ้าน และอาชีพอิสระ

4) การเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบ เพื่อแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ ทั้งหมดนี้ เพื่อนำไปสู่การให้โอกาสกับผู้มีรายได้น้อย เพื่อช่วยให้ผู้มีรายได้น้อยหลุดพ้นจากความยากจนได้อย่างยั่งยืน

3. กลุ่มผู้สูงอายุ

ประชากรไทยที่มีอายุเกิน 60 ปี มีจำนวนประมาณ 11.35 ล้านคน ในจำนวนนี้ 8.4 ล้านคนได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ที่เหลือได้รับบำนาญของหน่วยงานที่เคยสังกัด มีผู้สูงอายุที่ได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรวม 5 ล้านคน ทั้งนี้ ผู้สูงอายุ 4.06 ล้านคน ยังคงทำงานอยู่ โดยเป็นแรงงานนอกระบบรวม 3.59 ล้านคน ซึ่งส่วนมากคืออาชีพเกษตรกร

โดยในเรื่องนี้ได้มอบหมายให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องพิจารณาออกมาตรการส่งเสริมการจ้างงานผู้สูงอายุ พร้อมทั้งจัดหาสวัสดิการที่เหมาะสมให้กับผู้สูงอายุที่มีความแตกต่างกัน เช่น ผู้สูงอายุติดเตียง, ติดบ้าน, ติดสังคม รวมถึงมาตรการส่งเสริมให้บุตรหลานดูแลผู้สูงอายุในครอบครัว

4. กลุ่มลูกจ้าง

จากข้อมูล พบว่าลูกจ้าง 14.6 ล้านคน ที่ถึงแม้จะมีรายได้เกิน 100,000 บาทต่อปี จึงไม่ได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แต่อาจมีค่าครองชีพที่สูง โดยเฉพาะลูกจ้างที่ทำงานในเมือง จึงได้มอบหมายให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องร่วมกับภาคเอกชน ในการกำหนดมาตรการดูแลลดภาระค่าครองชีพให้กับลูกจ้าง เช่นเดียวกับในรายที่ถูกเลิกจ้างงาน รัฐบาลจะได้เข้าช่วยพัฒนาทักษะและหางานให้ทำต่อไป

5. กลุ่ม SME และ startups

กลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจขนาดจิ๋ว เล็ก ถึงกลาง รวมถึงสตาร์ทอัพ นับเป็นฟันเฟืองหลักในระบบเศรษฐกิจของไทยที่รัฐบาลไม่เคยละเลยมาโดยตลอด และจะยกระดับการดูแลพัฒนาผู้ประกอบการในปีหน้า ไม่ว่าจะเป็นด้านนวัตกรรม ความรู้ แหล่งเงินทุน และการปลดล็อคเงื่อนไขที่ทำให้เกิดข้อจำกัดต่อผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ

 


Mostview

เปิดธุรกิจที่ได้รับประโยชน์ หากเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เริ่มใช้งาน

ผลสำรวจบอกผู้มีสิทธิ์ใช้เงินดิจิทัลวอลเล็ต จะเลือกใช้จ่ายร้านค้าท้องถิ่น 40% รองลงมาเป็นร้านสะดวกซื้อ เช่น CJ, 7-Eleven 26%

สิงคโปร์ แจกเงินละ 8,000 บาท ให้ 1.1 ล้านครัวเรือนไปซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า-ประปา ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

จากสถานการณ์โลกร้อนทำให้หลายประเทศกลับมาตระหนักถึงเรื่องนี้กันมากยิ่งขึ้น ทำอย่างไรที่จะออกนโยบายที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทำให้ประชาชนตระหนักถึงเรื่องนี้เป็นอันดับต้น ๆ

ธุรกิจอีคอมเมิร์ซมาแรง คนไทยซื้อผ่านแพลตฟอร์ม 67% คาดมูลค่าปี 2567 แตะ 7 แสนล้านบาท

ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผยว่าธุรกิจอีคอมเมิร์ซมาแรงต่อเนื่อง โตแบบฉุดไม่อยู่ ปี 2566 มีมูลค่า 6.34 แสนล้านบาท คาดการณ์ปี 2567 มูลค่าแตะ 7 แสนล้านบาท และปี 2568 มูลค่าทะลุ 7.5 แสนล้านบาท

จับตาราคา “เนย” เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ในตลาดโลกใกล้แตะระดับสูงสุดเท่าทีเคยมีมา

ไม่ใช่ “โกโก้” เท่านั้นที่ราคาพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์จากปัจจัยเรื่องของสภาพอากาศที่เลวร้าย และโรคที่มากับพืชจนส่งผลกระทบต่อแหล่งเพาะปลูก ทำให้ได้ผลผลิตน้อย นำมาสู่การปรับราคาของสินค้าที่มี “โกโก้” เป็นส่วนผสม ซึ่งคาดการณ์ว่าราคาจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ

SmartSME Line