สหประชาชาติ ระบุ คนทั่วโลกราว 500 ล้าน ทำงานมีรายได้ไม่พอใช้ ชี้ เศรษฐกิจซบทั่วโลกทำอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้น

สื่อต่างประเทศนำเสนอรายงานขององค์การสหประชาชาติ (UN) ที่ระบุว่า ปัจจุบันมีคนประมาณ 500 ล้านทั่วโลก ที่ไม่สามารถเข้าถึงงานที่ได้รับค่าจ้างเพียงพอต่อค่าใช้จ่าย และคาดการณ์อีกว่า ด้วยเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทั่วโลก ในปีนี้อัตราการว่างงานจะเพิ่มขึ้นถึงประมาณ 2.5 ล้านคน

องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) สหประชาชาติ รายงานว่า มีจำนวนผู้ว่างงานทั่วโลกอยู่ที่ประมาณ 188 ล้านคน นอกจากยังนี้ยังมีอีก 165 ล้านคนที่ทำงานโดยได้ค่าจ้างไม่เพียงพอ และ 120 ล้านคนที่ยอมตกงาน เพราะไม่สามารถเข้าถึงตลาดแรงงานได้

ผู้อำนวยการองค์การแรงงานระหว่างประเทศ กล่าวว่า คนทั่วไปต้องการมีชีวิตที่ดีขึ้นจากการทำงาน ตัวเลขนี้แสดงให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำที่เพิ่มมากขึ้น เป็นอุปสรรคกีดกันให้คนเหล่านี้ไปไม่ถึงงานที่เหมาะสม ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าวิตกอย่างยิ่งในอนาคตกับสังคมของการทำงาน

ก่อนหน้านี้ในต้นเดือนมกราคม 2563 สหประชาชาติได้เสนอรายงานเกี่ยวกับความถดถอยของเศรษฐกิจ ซึ่งประเทศที่พัฒนาแล้วเติบโตได้อย่างช้าๆ และบางประเทศอยู่ในภาวะซบเซา ผลที่ตามมาคือมีการสร้างงานใหม่ไม่เพียงพอที่จะรองรับกำลังแรงงานที่เพิ่มขึ้นเมื่อเข้าสู่ตลาด นอกจากนี้หลายประเทศในแอฟริกากำลังประสบกับรายได้และความยากจนที่เพิ่มขึ้น

การขจัดความยากจนเป็นเป้าหมายหลักของสหประชาชาติตามนโยบายการพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน แต่เรื่องยังดูห่างไกลจากเป้าหมายที่วางไว้ โดยองค์การแรงงานระหว่างประเทศระบุว่า แรงงานที่มีรายได้น้อยกว่า 3.20 ดอลลาร์ (ประมาณ 97 บาทต่อวัน) ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในปี 2020-21 สำหรับประเทศที่กำลังพัฒนา
ซึ่งในประเทศ (กำลังพัฒนา) เหล่านี้ ความเหลื่อมล้ำทางเพศ อายุ และที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ ยังคงเป็นอุปสรรคต่อ โอกาสของแต่ละบุคคล และการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยมีคนหนุ่มสาวจำนวน 267 ล้านคนที่มีอายุระหว่าง 15-24 ปีไม่ได้อยู่ในการจ้างงาน ซึ่งพวกเขาเหล่านี้ขาดการศึกษาและฝึกอบรมที่มีมาตรฐาน จึงทำให้ไม่พร้อมสำหรับงานที่ดี

ทั้งนี้ องค์การแรงงานระหว่างประเทศ แนะนำว่า ให้ประเทศต่างๆ ยึดหลักว่าการเติบโตและการพัฒนาทางเศรษฐกิจจะต้องเกิดขึ้นไปพร้อมกับแนวทางของการขจัดความยากจน และสภาพของสังคมการทำงานที่ดีและสมดุล

ที่มา : news.un