SUBWAY ปลดพนักงาน 300 คน ออกจากสำนักงานใหญ่
by Phongsak, 7 กุมภาพันธ์ 2563
SUBWAY ทำการปลดพนักงาน 300 คนจากสำนักงานใหญ่ นี่คือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของยักษ์ใหญ่ด้านแซนวิชเพื่อความอยู่รอดของธุรกิจ
SUBWAY ยืนยันการปลดพนักงานในแถลงการณ์ทางอีเมล โดยกล่าวว่าจำนวนพนักงานที่มีจำนวนน้อยลงจะช่วยให้บริษัทสามารถทำการเปลี่ยนแปลงได้คล่องตัวมากขึ้น
บริษัทกล่าวว่า ต้องการมุ่งเน้นที่การสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าที่เข้าใช้บริการในร้าน และต้องการส่งมอบเครื่องมือและวิธีการที่ดีให้กับบรรดาแฟรนไชส์ของบริษัท ทำให้เราต้องทำการตัดสินใจจัดการกับตำแหน่งงานกว่า 300 ตำแหน่งในสำนักงานใหญ่ เพื่อความคล่องตัวในสิ่งที่เรากำลังจะทำการเปลี่ยนแปลง
SUBWAY มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา รวมถึงการเปลี่ยนซีอีโอคนใหม่เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนชุดของทีมผู้บริหารของบริษัท โดยเฉพาะการปลดผู้บริการรุ่นเก่าที่อยู่กับบริษัทมานาน
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เพื่อกอบกู้ผลประกอบการที่แย่ในช่วงสองปีที่ผ่านมา โดยมีการปิดสาขาไปแล้วกว่า 2,200 สาขา ซึ่งเป็นจำนวนสาขาลดลงไปถึง 13%
การลดพนักงานได้กลายเป็นเรื่องปกติสำหรับแฟรนไชส์ร้านอาหาร ที่ต้องการเร่งการตัดสินใจหรือผลักดันการเปลี่ยนแปลงขององค์กร แมคโดนัลด์ก็เคยทำแบบนี้ในปี 2558 เบอร์เกอร์คิงก็เคยทำเรื่องแบบเดียวกันนี้เมื่อห้าปีก่อน
อ้างอิง:
Mostview
เปิดธุรกิจที่ได้รับประโยชน์ หากเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เริ่มใช้งาน
ผลสำรวจบอกผู้มีสิทธิ์ใช้เงินดิจิทัลวอลเล็ต จะเลือกใช้จ่ายร้านค้าท้องถิ่น 40% รองลงมาเป็นร้านสะดวกซื้อ เช่น CJ, 7-Eleven 26%
สิงคโปร์ แจกเงินละ 8,000 บาท ให้ 1.1 ล้านครัวเรือนไปซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า-ประปา ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
จากสถานการณ์โลกร้อนทำให้หลายประเทศกลับมาตระหนักถึงเรื่องนี้กันมากยิ่งขึ้น ทำอย่างไรที่จะออกนโยบายที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทำให้ประชาชนตระหนักถึงเรื่องนี้เป็นอันดับต้น ๆ
ธุรกิจอีคอมเมิร์ซมาแรง คนไทยซื้อผ่านแพลตฟอร์ม 67% คาดมูลค่าปี 2567 แตะ 7 แสนล้านบาท
ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผยว่าธุรกิจอีคอมเมิร์ซมาแรงต่อเนื่อง โตแบบฉุดไม่อยู่ ปี 2566 มีมูลค่า 6.34 แสนล้านบาท คาดการณ์ปี 2567 มูลค่าแตะ 7 แสนล้านบาท และปี 2568 มูลค่าทะลุ 7.5 แสนล้านบาท
จับตาราคา “เนย” เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ในตลาดโลกใกล้แตะระดับสูงสุดเท่าทีเคยมีมา
ไม่ใช่ “โกโก้” เท่านั้นที่ราคาพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์จากปัจจัยเรื่องของสภาพอากาศที่เลวร้าย และโรคที่มากับพืชจนส่งผลกระทบต่อแหล่งเพาะปลูก ทำให้ได้ผลผลิตน้อย นำมาสู่การปรับราคาของสินค้าที่มี “โกโก้” เป็นส่วนผสม ซึ่งคาดการณ์ว่าราคาจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ