โรงงานสิ่งทอในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่างได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 จนทำให้ต้องปิดโรงงานชั่วคราว และปรับลดพนักงานลง ตลอดจนทำให้ห่วงโซ่การผลิตได้รับผลกระทบจากการขนส่ง รวมถึงการเดินทางไปยังจีน

Aye Su Than แรงงานเมียนมาวัย 31 ปี ซึ่งทำงานในโรงงานแบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่นของอิตาลี กล่าวว่าเมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมา พนักงานจำนวน 900 คน ได้รับการแจ้งจากผู้จัดการว่าจะมีการปิดโรงงาน โดยพนักงานที่ถูกเลิกจ้างจะได้รับเงินชดเชยจำนวน 320 ดอลลาร์สหรัฐฯ (10,022 บาท) จากที่ผ่านมาได้รับค่าแรงเดือนละ 130 ดอลลาร์สหรัฐฯ (4,071 บาท) 

“ไม่มีออเดอร์สั่งซื้อ เพราะว่าไวรัสโควิด-19 ทำให้ทุกอย่างต้องปิดตัวลง เราไม่รู้เลยว่าจะทำอย่างไรตอนนี้ และไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะสมัครงานใหม่ระหว่างที่ตนเองตั้งครรภ์” Aye Su Than กล่าว

เช่นเดียวกับสถานการณ์ในกัมพูชาที่มีโรงงาน 10 แห่งเริ่มหยุดการดำเนินการ และปลดพนักงานจำนวน 3,000 ตำแหน่ง โดยรัฐบาลกัมพูชาคาดการณ์ว่าจะมีโรงงาน 200 แห่งที่จะผลิตสินค้าล่าช้า หรือต้องหยุดการผลิตในเดือนมีนาคม เพราะว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และจะส่งผลกระทบต่อพนักงานกว่า 100,000 ราย

นอกจากนี้ ยังมีในส่วนของค่าแรงขั้นต่ำ, การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และไวรัสโควิด-19 ทำให้เกิดข้อจำกัดในเรื่องของการเดินทางซึ่งส่งผลกระทบต่อซัพพลายเชนทั่วโลก ด้วยสถานการณ์ดังกล่าวทำให้แบรนด์สินค้าชื่อดัง ไม่ว่าจะเป็น Uniqlo, Adidas ต่างย้ายฐานการผลิตออกจากจีนไปยังประเทศอื่น ๆ เพื่อแก้ปัญหา และรองรับการผลิตสินค้าให้มีความเพียงพอ

โดยบังคลาเทศ คืออุตสาหกรรมผลิตเสื้อผ้าใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากจีน ซึ่งโรงงานในประเทศยังคงดำเนินการผลิตสินค้าอยู่ แม้จะมีความวิตกกังวัลเรื่องไวรัสโควิด-19 มากขึ้น

ทั้งนี้ ตามรายงานขององค์การการค้าโลก (WTO) พบว่าในปี 2015 อุตสาหกรรมสิ่งทอในภูมิภาคเอเชียมีมูลค่ามากกว่า 290,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็น 60% ของเสื้อผ้า, สิ่งทอ และรองเท้า

ที่มา: channelnewsasia