บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เผยผลประกอบการในไตรมาส 1 ของปี 2565 พบว่าธุรกิจมีกำไรสุทธิ 3,845 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 63.3% จากไตรมาสก่อน

โดยธุรกิจที่เป็นรายได้หลักของ OR มาจากกลุ่มธุรกิจ Mobillity จากการขายและบริการที่มีรายได้อยู่ที่ 177,291 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19,452 ล้านบาท คิดเป็น 12.3% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 49.7% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปีก่อน ซึ่งปัจจัยที่ทำให้รายได้เพิ่มขึ้นมาจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ยังมีธุรกิจอื่น ๆ ของ OR ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มธุรกิจ Lifestyle ที่มีรายได้อยู่ที่ 4,767 ล้านบาท, กลุ่มธุรกิจ Global มีรายได้อยู่ที่ 11,230 ล้านบาท และธุรกิจอื่น ๆ มีรายได้ 260 ล้านบาท ส่วน EBITDA ในไตรมาส 1 มีรายได้อยู่ที่ 6,467 ล้านบาท

เมื่อมองภาพรวมของกลุ่มธุรกิจ Mobillity พบว่าทำกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นทั้งธุรกิจตลาดพาณิชย์ และธุรกิจขายน้ำมัน ในขณะที่กำไรขั้นต้นของการขายน้ำมันดีเซลผ่านสถานีบริการชะลอตัวจากการลดภาระภาคประชาชนในการชะลอการปรับราคาหน้าสถานีบริการ

อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 1 ปี 2565 OR มีกำไรสุทธิจำนวน 3,845 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,491 ล้านบาท คิดเป็น 63.3% คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.32 บาท สูงกว่าไตรมาสก่อนที่มีกำไรต่อหุ้น 0.12 บาท

ด้านความเคลื่อนไหวในเรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจในส่วนของตัวเลขของธุรกิจในกลุ่ม OR โดยกลุ่มธุรกิจ Lifestyle ซึ่งมีเครือข่ายร้านค้าปลีกอาหาร และเครื่องดื่ม ซึ่งในนี้เป็นร้าน Café Amazon จำนวน 3,685 สาขา ขายได้รวม 83 ล้านแก้ว ลดลง 4 ล้านแก้วเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้

ส่วนเรื่องการติดตั้งสถานีชาร์จไฟฟ้า EV Station Pluz ในไตรมาสนี้ OR เตรียมขยายติดตั้งที่ศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์, เดอะพรอมานาด และเทอร์มินอล 21 สาขาอโศก พระราม 3 พัทยา และโคราช รวมจำนวน 24 จุดจ่าย ซึ่งคาดว่าจะเปิดใช้ในไตรมาส 3 นี้