ก่อนหน้านี้เราเคยได้ยินเรื่องราวของประเทศศรีลังกาที่เผชิญกับวิกฤตขาดแคลนเชื้อเพลิงอย่างหนักที่ส่งผลกระทบนำมาสู่การตัดไฟฟ้าทั่วประเทศวันละ 10 ชั่วโมง เพราะไม่มีเงินซื้อเชื้อเพลิง และสถานการณ์เริ่มบานปลายมากขึ้นทั้งในเรื่องเชื้อเพลิง อาหาร ทำให้ประชาชนออกมาประท้วงตามท้องถนน เรียกร้องให้ผู้บริหารประเทศแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก

แม้ว่าศรีลังกาจะได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ แต่สถานการณ์ก็ดูเหมือนจะยังไม่ดีขึ้น เมื่อน้ำมันที่ใช้อยู่ในประเทศใกล้หมดลงเต็มที

Ranil Wickremesinghe นายกรัฐมนตรีศรีลังกา กล่าวว่าประเทศกำลังประสบปัญหาวิกฤตเรื่องน้ำมันที่เหลือใช้เป็นวันสุดท้าย โดยศรีลังกาต้องการเงินตราระหว่างประเทศจำนวน 75 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อชำระค่านำเข้าสินค้าที่สำคัญ ในช่วงเวลานี้ เรามีสต๊อกน้ำมันใช้ได้เพียงวันเดียว และอีก 2-3 เดือนข้างหน้า จะเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด

“เราต้องเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเสียสละ และเผชิญกับความท้าทายในช่วงเวลานี้” Wickremesinghe กล่าว

Wickremesinghe กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดส่งน้ำมันเบนซิน 2 รายการ และการจัดส่งน้ำมันดีเซลอีก 2 รายการ ในวงเงินสินเชื่อของอินเดียจะช่วยบรรเทาผลกระทบได้ในไม่อีกกี่วันข้างหน้า แต่ประเทศยังขาดแคลนยาจำเป็นอีก 14 ชนิด โดยประเทศยังคงต้องพิมพ์เงินเพิ่ม และเสนอการแปรรูปสายการบินหลักของประเทศศรีลังกาเพื่อให้เศรษฐกิจคงอยู่ต่อไป และยอมรับว่าอัตราเงินเฟ้ออาจแย่ลงในระยะสั้น

ด้วยสถานการณ์ที่ประชาชนชาวศรีลังการู้ว่าน้ำมันใกล้หมด ทำให้มีผู้คนจำนวนมากถือบรรจุภัณฑ์มาเข้าคิวรอตามสถานีบริการน้ำมัน เพราะเป็นกังวลว่าหากไม่มีน้ำมันใช้จะส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน โดย Ravindu Perera ชาวเมืองโคลัมโบ กล่าวว่าตนและครอบครัวเริ่มออกหาเชื้อเพลิงก่อนรุ่งสางของวันจันทร์ เราเดินทางไปยังสถานีบริการน้ำมันพบว่าส่วนใหญ่ปิดให้บริการ หลังจากนั้นจึงถือโอกาสไปต่อคิวที่ศาลากลางซึ่งเป็นสถานีจ่ายน้ำมันสำหรับรถราชการทั่วไป ซึ่งในช่วงแรกคนยังน้อยอยู่ แต่เมื่อเวลาผ่านไปคิวได้ค่อย ๆ ยาวขึ้นประมาณ 2 กม. เรายังโชคดีที่ได้รับน้ำมัน

ทั้งนี้ ศรีลังกาเผชิญการขาดดุลงบประมาณ 6.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็น 13% ของ GDP

ที่มา: cnn, bbc