ในปี 2019 องค์การสหประชาชาติประเมินว่าประชากรทั่วโลกจำนวน 703 ล้านคน จะมีอายุ 65 ปีขึ้นไป และภายในปี 2050 คาดการณ์ว่าประชากรผู้สูงอายุจะสูงถึง 1.5 พันล้านคน

หากเราเห็นสถิติตัวเลขดังย่อมมองเห็นโอกาสที่รออยู่ในการทำธุรกิจที่ตอบสนองกับกลุ่มคนดังกล่าว Jeff Huber หัวหน้าเจ้าหน้าที่แบรนด์ระดับโลก Home Instead เรียกสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงประชากรครั้งใหญ่ โดยเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่สัดส่วนของประชากรที่มีอายุมากกว่ามีจำนวนสูงกว่าคนอายุน้อย

“ปีที่แล้วเราคุยกันว่าทุกวันจะมีคนอายุ 65 ปี เพิ่มขึ้น 10,000 คน และในอีก 2-3 ปีข้างหน้า คน 10,000 คน จะมีอายุ 80 ปี นั่นจึงเป็นช่วงเวลาที่คนทั่วไปจะกลายเป็นลูกค้า” Huber กล่าว

สอดคล้องกับการวิจัยของ Administration of Community Living ที่สนับสนุนตัวเลขข้างบน โดยระบุว่าร้อยละ 70 ของผู้สูงอายุชาวอเมริกันต้องการบริการ และการสนับสนุนระยะยาว นั่นจึงทำให้ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุจะเป็นเรื่องที่ตอบสนองความต้องการในเรื่องนี้

ขณะเดียวกัน Jennifer Sheets ซีอีโอและประธาน Interim Healthcare กล่าวว่าในความเป็นจริงเราไม่มีปัญหาเรื่องอุปสงค์ในการดูแลสุขภาพที่บ้าน ความท้าทายของเราคือการจัดหา และจะดำเนินต่อไป แน่นอนว่าความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้เกิดแฟรนไชส์รายใหม่ขึ้นตาม

“เรามองเห็นความแตกต่างของผู้คนที่กำลังเลือกมองหาแฟรนไชส์ สิ่งที่เราเห็นในอดีตมักจะเป็นคนที่อยู่ในการดูแลสุขภาพที่ต้องการทำธุรกิจด้วยตัวเอง แต่ปัจจุบันเราเห็นกลุ่มการลงทุนที่เพิ่มขึ้น เราเห็นผู้คนจำนวนมากทำธุรกิจ Home care ที่มีอยู่เดิมเพิ่มมากขึ้น และต้องการเป็นส่วนหนึ่งของแฟรนไชส์” Sheets กล่าว

เช่นเดียวกับ Huber ที่พูดถึงเรื่องนี้ว่าเราดำเนินการขยายเครือข่าย Home Instead ด้วยเจ้าของแฟรนไชส์ แต่เราเห็นการเติบโตอย่างมากด้วยการโอนธุรกิจที่มีอยู่ไปสู่ความเป็นเจ้าของ Home Instead

Paul และ Lori Hogan ก่อตั้ง Home Instead ในปี 1994 โดยทุกวันนี้มีจำนวนแฟรนไชส์ 1,200 แห่งใน 13 ประเทศ ต่อมาในปี 2021 Hogan ขายบริษัทให้กับ Honor Technology ซึ่งเป็นสตาร์อัพผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพ และเทคโนโลยีในที่บ้าน

Huber กล่าวว่าเราคัดเลือกแฟรนไชส์ใหม่ที่มีโอกาสเติบโต บริษัททบทวนอย่างรอบคอบว่าแรงจูงใจของเจ้าของที่มีศักยภาพเป็นอย่างไร บางครั้งพวกเขาก็นำประสบการณ์ด้านการดูแลสุขภาพ และบริการทางสังคม แต่ไม่ใช่ข้อกำหนดเบื้องต้นของเรา

“เรากำลังมองหาประวัติความสำเร็จ ใครบางคนที่มีวัฒนธรรมยอดเยี่ยมที่เหมาะกับเรา” Huber กล่าว

ส่วน Interim ก่อตั้งในปี 1996 มีแฟรนไชส์จำนวน 350 แห่ง ใน 42 รัฐ และเป็นส่วนหนึ่งของ Caring Brands International ซึ่งมีแฟรนไชส์ Bluebird Care ในสหราชอาณาจักร และ Just Better Care ในออสเตรเลีย

Sheets กล่าวว่า Interim กำลังขยายเครือข่ายแฟรนไชส์ ผ่านกระบวนการที่มีความละเอียดถี่ถ้วน เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ โดยวิธีที่ดีที่สุด คือการตรวจสอบ และค้นหาคนที่มีใจเดียวกับ ไม่ได้มองหาแฟรนไชส์เพื่อความฉาบฉวยเท่านั้น

ที่มา: franchisetimes