อุตสากรรมโฆษณาถดถอย ผู้บริโภคแห่ซบออนไลน์ เอเยนซี่ ประเมินแนวโน้มอุตสาหกรรมโฆษณาทั้งปีน่าจะเติบโตลดลงจากปีก่อน จากปัญหาเศรษฐกิจ ผู้บริโภคชะลอใช้จ่าย ทำให้สินค้าลดงบฯโฆษณา และการโยกงบฯการใช้สื่อโฆษณาผ่านออนไลน์มากขึ้น นางสาวนภาพร เจตะวัฒนะ หัวหน้าฝ่ายวางแผนกลยุทธ์การซื้อสื่อ มายด์แชร์ มีเดียเอเยนซี่ กล่าวว่า แนวโน้มอุตสาหกรรมโฆษณาทั้งปีน่าจะเติบโตลดลงจากปีก่อน เนื่องจากภาพรวมการใช้งบฯผ่านสื่อในครึ่งปีแรกเติบโตลดลงถึง 7.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือมีมูลค่าประมาณ 56,000 ล้านบาท ส่วนครึ่งปีหลังคาดว่าจะเติบโตลดลง 2-5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากปัญหาเศรษฐกิจ ผู้บริโภคชะลอใช้จ่าย ทำให้สินค้าลดงบฯโฆษณา และโยกงบฯการใช้สื่อโฆษณาผ่านออนไลน์มากขึ้น กำลังซื้อของผู้บริโภคต่างจังหวัดยังมีปัญหา คนซื้อของน้อยลง สินค้าอุปโภคบริโภคก็ใช้งบฯโฆษณาลดลงตามไปด้วย ประกอบกับยูนิลีเวอร์ ซึ่งเป็นแบรนด์หลักที่ใช้งบฯโฆษณาค่อนข้างสูงก็ลดงบฯโฆษณาทีวีลง และไปเพิ่มสื่อออนไลน์มากขึ้น และการใช้งบฯผ่านทีวี ครึ่งปีแรกมีอัตราลดลง หรือมีส่วนแบ่งอยู่ที่ 68% ของงบฯโฆษณาทั้งหมด จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีส่วนแบ่ง 70% ด้านภาพรวมพฤติกรรมการรับชมทีวีเพิ่มขึ้น เฉลี่ย 1-2 ชั่วโมงต่อวัน ขณะที่สื่อออนไลน์อยู่ที่ 3-4 ชั่วโมงต่อวัน โดยจากการสำรวจของบริษัท นีลเส็น จำกัด เฉพาะไตรมาส 3 ของปีนี้ในกลุ่มผู้ชมอายุ 15 ปีขึ้นไป พบว่ารับชมทีวีเฉลี่ย 2.41 ชั่วโมงต่อวัน เพิ่มจากช่วงเดียวกันปีก่อนเฉลี่ย 2.35 ชั่วโมงต่อวัน รับชมช่องฟรีทูแอร์ 1.07 ชั่วโมงต่อวัน ลดลงจากปีก่อนเฉลี่ย 1.16 ชั่วโมงต่อวัน และทีวีดิจิทัล 1.01 ชั่วโมงต่อวัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนเฉลี่ย 0.44 ชั่วโมงต่อวัน ทั้งนี้ในปัจจุบันผู้บริโภคมีช่องทางการรับโฆษณาและคอนเทนต์ที่หลากหลายขึ้น แบรนด์จึงต้องปรับการใช้งบฯโฆษณาให้สอดรับกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะสื่อออนไลน์ ขณะเดียวกันการแข่งขันของสื่อก็ไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะสื่อทีวีกับสื่อทีวี แต่เป็นการแข่งขันข้ามจอ ช่องทีวีจึงต้องปรับคอนเทนต์ให้ตอบโจทย์กลุ่มผู้ชม โดย 4 คอนเทนต์หลักที่ตรึงคนดู ได้แก่ กีฬา ที่มีนักกีฬาไทยแข่งขัน ละคร ข่าว และวาไรตี้ รวมถึงแต่ละช่องต้องหาแคแร็กเตอร์ชัดเจน จำนวนช่องทีวีเพิ่มขึ้น ในแง่การปรับตัว มีเดียเอเยนซี่ก็ต้องทำงานอิงกับข้อมูลเพิ่มขึ้น แม่นยำขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่งบฯโฆษณาลูกค้า