คุณอภิชาติ โตดิลกเวชช์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวว่า การเปิดตัวสินค้า เพื่อการจัดจำหน่ายบนเครื่องบิน ขณะนี้มีสินค้าแล้ว 128 รายการ ซึ่งที่มาของการจัดจำหน่ายสินค้านี้ เป็นความประสงค์ของท่านนายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพื่อยกระดับสินค้าOTOP สู่สายตาชาวต่างชาติ โดยกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้ดำเนินงานและมอบหมายงานให้กรมการพัฒนาชุมชนเป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งในการดำเนินงานนั้นใช้เวลาประมาณ 4 เดือน จึงจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ เพื่อให้สินค้าไทยมีมาตรฐาน สวยงามและพร้อมจำหน่าย ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจที่สินค้าภูมิปัญญาชาวบ้านนั้นยกระดับสู่สายตาชาวโลก ซึ่งสินค้าที่จัดจำหน่ายนั้นมีหลากหลายประเภท เช่น อาหาร ของที่ระลึก สปาสมุนไพรบางชนิดและผ้าไทย สินค้าทั้งหมดนี้ทางการบินไทยจะเป็นผู้จัดจำหน่ายและแจ้งให้ทราบว่าสินค้าใดที่น่าจะขายได้หรือไม่ได้ ในการด้านการปรับปรุงสินค้านั้นได้ทางมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรีและนักออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ชนะเลิศการออกแบบระดับเอเชีย 2 ปี ซ้อนมาช่วยในการออกแบบ โดยใช้เวลาดำเนินงานปรับปรุงประมาณ 3 เดือน ทั้ง รสชาติอาหาร มาตรฐานสินค้าและภาพลักษณ์ของสินค้า ด้านคุณจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สินค้า OTOP ที่จัดจำหน่ายนั้นถือได้ว่าเป็นสินค้าระดับห้าดาวทั้งหมดและในการคัดเลือกสินค้านั้นทางการบินไทยจัดจำหน่ายสินค้าอยู่แล้วจึงทราบดีว่าสินค้าใดขายได้และเป็นที่ต้องการของผู้โดยสาร ซึ่งตามสถิติการขายของการบินไทยสินค้าที่มีราคา 100 เหรียญเป็นสินค้าที่ขายได้เร็ว โดยการจำหน่ายกับการบินไทยผู้เห็นสินค้าจะมีประมาณ 20 ล้าน คนต่อปี ซึ่งเป็นช่องทางการโฆษณาที่ดีและจะมีการเปลี่ยนแคตตาล็อกสินค้าทุกๆ 4 เดือน เพื่อเป็นการสำรวจและทดลองสินค้าใหม่ๆทุกเดือน ด้านเป้าหมายในการจัดจำหน่าย คาดหวังว่า สินค้าOTOP ต้องเป็นที่แพร่หลาย มีเอกลักษณ์และเป็นที่รู้จักให้มากที่สุด ในการดำเนินงานนั้นเป็นความร่วมมือของทุกฝ่ายเพื่อผลักดันให้โครงการนี้ประสบความสำเร็จและสมบูรณ์ในทุกด้าน ทางด้านคุณพรรณประวีร์ กิวานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มอลล์ (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า บริษัท มอลล์ (ไทยแลนด์) จำกัด ถือเป็นอีกหนึ่งหน่วยงานที่ส่งเสริมและทำงานเชื่อมโยงกันในโครงการนี้ โดยกรมการพัฒนาชุมชนมีหน้าที่ผลิตสินค้าให้พร้อมขาย  การบินไทยมีหน้าที่ขายสินค้า  แต่หน้าที่หลักของการบินไทยคือการให้บริการการบิน จึงจำเป็นต้องหาองค์กรหรือบริษัทที่เข้ามารองรับในด้านการขายและบริหารสินค้า ดังนั้น จึงเลือก ไทยแลนด์ มอลล์ เหตุผลที่เลือกบริษัทเอกชนเพราะธุรกิจจะเกิดความยั่งยืน ในการทำงานชาวบ้านจะเป็นผู้เสนอราคาสินค้าที่พอใจมากที่สุด ซึ่งบทบาทขั้นตอนการทำงานของ ไทยแลนด์ มอลล์ คือ เลือกรายชื่อผู้ประกอบการที่ผลิตสินค้าของไทยจริง สินค้ามีมาตรฐานพร้อมส่งออกมีความสามารถในการผลิต จากนั้นนำมาถ่ายรูป ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการพัฒนาสินค้าการพัฒนาแพ็คเก็จจิ้งและนำมาลงในเว็บไซต์ ปัจจุบันนี้ ไทยแลนด์ มอลล์ ทำการโปรโมทสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ โดยการทำ Google Ad เพื่อโปรโมททั้งในและต่างประเทศ เจาะกลุ่มเป้าหมายทั้งคนไทย คนจีนหรือชาวต่างชาติที่สนใจสินค้าไทยอย่างประเทศ อเมริกา อังกฤษ ญี่ปุ่น เกาหลี นอกจากนี้ยังมีการโปรโมททางออฟไลน์โดยการประสานงานการโปรโมทกับทางททท. และออกอีเว้นท์ตามงานต่างๆทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตอนนี้สินค้ามีมากกว่า 1,000 รายการและยังรับผู้ประกอบการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะมากขึ้นถึง 10,000 รายการ ซึ่งไม่มีการจำกัดจำนวนผู้ประกอบการเพราะเป็นช่องทางออนไลน์ แต่การเลือกสินค้าต้องคำนึงถึงความสนใจของลูกค้า ราคาที่ลูกค้าสามารถซื้อได้เป็นหลัก ในอนาคตมองว่าอาจจะมีตราสัญลักษณ์การการันตีคุณภาพของสินค้าจากทาง ไทยแลนด์ มอลล์ เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการซื้อผ่านทางเว็บไซต์ออนไลน์ สำหรับการเข้าร่วมขายสินค้า OTOP ทางออนไลน์กับ ไทยแลนด์ มอลล์ นั้นไม่มีค่าสมัครหรือค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น โดยสามารถติดต่อกับทางไทยแลนด์ มอลล์ได้โดยตรงทาง Contact us และคาดหวังว่าจะนำสินค้า OTOP ให้เข้ามาในออนไลน์ให้มากที่สุด