ในปัจจุบันโลกของเราได้เชื่อมต่อเข้าหากันมากยิ่งขึ้น ทำให้คนจากซีกโลกหนึ่งสามารถพูดคุย มองเห็น หรือแม้แต่สั่งซื้อสินค้าจากคนอีกซีกโลกหนึ่งได้อย่างง่ายดาย สาเหตุมาจากเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นทุกวัน เกิดเป็นความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตของมนุษย์ทุกคน E-Commerce จึงเริ่มเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันมากยิ่งขึ้นเหมือนเป็นเรื่องปกติ
ท่ามกลางการถดถอยของตลาดในรูปแบบเดิม ๆ ทำให้ผู้ประกอบการต้องศึกษาและหันมาพึ่งพาการทำ E-Commerce มากยิ่งขึ้น เกิดเป็นผู้ประกอบการหน้าใหม่อย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับนโยบายพัฒนาประเทศไทย 4.0 ของรัฐบาล ทำให้ E-Commerce เป็นหัวใจหลักในการพาประเทศพัฒนาไปอีกขั้น
สังเกตได้จากภาพรวมมูลค่ายอดขายสินค้าผ่านทาง E-Commerce ในประเทศไทยที่นับวันมีแต่จะยิ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในปี 2014 มีมูลค่าถึง 69,444 ล้านบาท ในปี 2015 มีมูลค่า 83,520 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดิมถึง 20% และในปี 2016 นี้ เพิ่มขึ้น 49% จากปี 2014 ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปี 2020 โดยคิดเป็นมูลค่า 200,592 ล้านบาทเลยทีเดียว
โดยสินค้าที่มีการทำ E-Commerce และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีทำมูลค่าได้มากที่สุด 3 อันดับแรกคือ Consumer electronics & physical media รองลงมาคือ Special Interest และสุดท้าย Clothes & Shoes ซึ่งทุกคนก็คงเห็นร้านค้าพวกนี้ผ่านตากันมาบ้างแล้วอย่างแน่นอน ซึ่งตั้งแต่ปี 2015 ไปจน 2020 ตลาด E-Commerce จะยังมีการเติบโตมากขึ้นอยู่ตลอดเวลาเหมาะแก่การทำธุรกิจส่วนตัวอย่างยิ่ง
โดยสินค้าที่จะพุ่งแรงแซงทุกผลิตภัณฑ์ในการทำ E-Commerce ปี 2017 ก็คือ Clothes & Shoes เพราะเป็นสินค้าที่ขายง่าย ราคาจับต้องได้ ได้กำไรมาก เข้าถึงได้กับคนทุกประเภท ทำให้สินค้าชนิดนี้เป็นอีกหนึ่งตลาดที่มีคู่แข่งสูง แต่ก็ยังสามารถทำกำไรได้เป็นอย่างดี
โดยเฉพาะตอนนี้ตลาด E-commerce ของประเทศไทยมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี เนื่องจาก 3 ปัจจัยหลักด้วยกัน คือ เทคโนโลยีที่มีวิวัฒนาการอย่างมาก ทำให้รูปแบบการสื่อสาร และนวัตกรรมใหม่ ๆ เกิดขึ้น ส่งผลให้ความสะดวกสบายในชีวิตเพิ่มมากขึ้น ปัจจัย ต่อมาคือ นโยบายของรัฐบาลที่พยายามผลักดันนโยบายเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการขยายตลาด E-Commerce ของตนไปสู่ระดับโลก และปัจจัยสุดท้ายคือ การทำธุรกรรมทางการเงินที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ทำให้การใช้จ่าย ซื้อขาย ชำระเงินทำได้รวดเร็วและเป็นไปตามมาตรฐานสากลมากยิ่งขึ้น เช่น Any ID หรือพร้อมเพย์ การขยายการใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ ระบบภาษีและเอกสารธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ สิ่งเหล่านี้ก็ช่วยลดต้นทุนในการทำธุรกิจได้อย่างมาก ทำให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงได้ง่าย
นอกจากนี้สาเหตุอื่น ๆ ที่ส่งเสริมให้ E-Commerce เป็นธุรกิจที่มาแรง แซงทุกกระแสสังคม ก็มาจากการที่ผู้ใช้งานเข้าถึง Internet ในประเทศมากขึ้น อุปกรณ์ต่าง ๆ มีราคาลดลง และคนรุ่นใหม่ยุค Gen Y, Z ก็เติบโตขึ้นมาพร้อมกับเทคโนโลยีเหล่านี้ ทำให้มีกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อและมีศักยภาพเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจ E-Commerce ในประเทศไทยเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องและยาวนาน
ใครที่กำลังมองหารายได้เสริม หรือช่องทางการทำอาชีพเสริมต่าง ๆ E-Commerce ก็นับว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอันดับต้น ๆ เลยทีเดียว ซึ่งการเริ่มทำ E-Commerce ณ ตอนนี้ก็ถือว่าไม่สายเกินไปเมื่อเทียบกับการเติบโตที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยเว็บไซต์
www.bangkokbanksme.com จากธนาคารกรุงเทพได้รวบรวมสื่อการเรียนรู้ต่าง ๆ เกี่ยวกับการทำ E-Commerce เคล็ดลับในการบริหารธุรกิจ รวมถึงบทสัมภาษณ์จากผู้ประกอบการ E-Commerce ให้ทราบถึงที่มาที่ไป การเตรียมตัว และคำแนะนำในการทำ E-Commerce อีกทั้งยังเป็นแหล่งรวบรวมคอนเนคชั่นทางธุรกิจดี ๆ ที่ผู้เริ่มต้น E-Commerce ต้องรู้จักไว้มากมาย ช่วยให้การทำ E-Commerce ของคุณกลายเป็นเรื่องง่ายดายด้วยเว็บไซต์นี้เว็บไซต์เดียว
อีกทั้งธนาคารกรุงเทพ ยังมีผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เข้ามาสนับสนุนการทำธุรกรรมทางการเงินให้กับธุรกิจ E-Commerce ให้ได้รับความเชื่อถือและปลอดภัย มีสินเชื่อหลากหลายชนิดคอยสนับสนุนให้ SME สามารถนำไปประกอบกิจการ E-Commerce โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2560 ธนาคารจะให้ความสำคัญกับธุรกิจ E-Commerce เพิ่มมากขึ้น