นายกฯ ย้ำชัดเดินหน้าไทยแลนด์ 4.0 ปูทางเศรษฐกิจยั่งยืน
by Smart SME,
16 กุมภาพันธ์ 2560
นายกฯ เรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างชาติ ประกาศชัดรัฐบาลยึดนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ขับเคลื่อนประเทศหลุดกับดับรายได้ปานกลาง วางเป็นยุทธศาสตร์ชาติระยะยาวต่อเนื่อง 20 ปี เพื่อสร้างเศรษฐกิจไทยยั่งยืน
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในการแสดงปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “โอกาสกับประเทศไทย 4.0” ในงานสัมมนาและนิทรรศการ “Opportunity Thailand” จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ซึ่งมีนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติเข้าร่วมกว่า 3,000 รายว่า รัฐบาลขอยืนยันว่านโยบายขับเคลื่อนไทยแลนด์ 4.0 เพื่อทำให้ไทยหลุดพ้นกับดักรายได้ปานกลางที่กำหนดแนวทางพัฒนาเป็นยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี (ปี 2560-79) จะต้องเดินหน้าตามแผนดังกล่าวต่อไปแน่นอนเพื่อความยั่งยืนของเศรษฐกิจไทย
ทั้งนี้ การปฏิรูปโครงสร้างสู่ไทยแลนด์ 4.0 ต้องเน้นคุณภาพ โดยเฉพาะพัฒนาสร้างคนที่มีศักยภาพให้สอดคล้องควบคู่ไปกับการพัฒนาเศรษฐกิจ รวมถึง การสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจ จะต้องเริ่มตั้งแต่ระดับชุมชนท้องถิ่น ซึ่งจะเป็นการปูพื้นฐานเศรษฐกิจไทยจากฐานราก ลดความเหลื่อมล้ำ
สำหรับการจะก้าวไปสู่ไทยแลนด์ 4.0 ต้องพัฒนาคน โดยกลุ่มเกษตรกรต้องให้เป็น smart farmer มีมาตรการดึงดูดคน จากต่างประเทศ ในสาขาที่ขาดแคลน เข้ามาช่วยในการพัฒนาในประเทศ รวมถึง ส่งเสริมอุตสาหกรรมเป้าหมาย 10 ประเภท เป็นตัวขับเคลื่อนยกระดับเศรษฐกิจ ขณะเดียวกัน ต้องการยกระดับSMEs และพัฒนา startup จากการรับจ้างผลิต ให้มีการออกแบบ เพิ่มมูลค่าสินค้าและบริการ นอกจากนั้น ต้องยกระดับเศรษฐกิจทั้งไทยและอาเซียน โดยให้เกิดความร่วมมือกัน เดินไปพร้อมกัน ในทิศทางเดียวกัน ซึ่งแต่ละประเทศต้องไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน
นายกฯ กล่าวด้วยว่า ภาคเอกชน ภาครัฐ และประชาชน มีความสำคัญอย่างยิ่ง ในการขับเคลื่อนไปด้วยกัน ตามแนวทางประชารัฐ ร่วมกันปฏิรูป เพื่อสร้างความยั่งยืนให้ประเทศไทยในอีก 20 ปีข้างหน้า
ด้านนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ภูมิภาคอาเซียนได้ตระหนักแล้วว่าการเชื่อมโยงเศรษฐกิจด้วยการนำจุดแข็งของภูมิภาคมาพัฒนาจะเป็นวิถีใหม่ และไทยเองมีจุดแข็งที่มั่นใจว่าจะก้าวไปสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิต การค้า ในภูมิภาคนี้ด้วยยุทธศาสตร์ที่ตั้งที่เข้มแข็ง รัฐได้พัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ที่จะเป็นพื้นที่ลงทุนที่ใหญ่และทันสมัยที่สุดเพื่อเชื่อมโยงสู่ CLMV เอเชียใต้ และตะวันออกกลาง
ทั้งนี้ รัฐได้มุ่งลงทุนที่จะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานใน EEC โดยจะมีเงินจาก 3 แหล่งสำคัญ ได้แก่ เงินงบประมาณแผ่นดิน นโยบายลงทุนร่วมกับเอกชน หรือ PPP และการระดมทุนผ่านกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน หรืออินฟราสตรักเจอร์ฟันด์ที่จะมีการออกมางวดแรกในกลางปีนี้ (2560)
“ไทยเคยผ่านวิกฤตต้มยำกุ้ง เราผ่านการเรียนรู้และท่ามกลางความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกแต่ภูมิภาคนี้กำลังเติบโต เศรษฐกิจไทยปีนี้ก็จะโต 3.5-4% และแนวทางที่รัฐวางไว้ทั้งหมดนี่เป็นโอกาสที่ดีสำหรับการลงทุนในไทยที่เราจะเป็นศูนย์กลางในภูมิภาคในหลายๆ ด้าน ทั้งการผลิต การค้า การบริการ และสุขภาพ ฯลฯ” นายสมคิดกล่าว
ด้าน นายอุตตมะ สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ.เขตเศรษฐกิจพิเศษ หรือ EEC คาดว่าภายใน 2-3 เดือนคงจะผ่านการพิจารณาจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จากนั้นจะประกาศได้ภายในกลางปีนี้ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการพัฒนาได้เร็วขึ้น โดยการลงทุนใน EEC ภายใน 5 ปีคาดว่าจะมีเม็ดเงินกว่า 1.5 ล้านล้านบาท