วันจันทร์, เมษายน 29, 2567

รัฐบาลพร้อมอัดฉีด 3 กองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีหลังสงกรานต์

by Smart SME, 13 มีนาคม 2560

รมต.อุตสาหกรรม  เผย 3 กองทุนอุ้มเอสเอ็มอี เริ่มได้ภายในเดือนเม.ย.นี้ แจงช่วยเหลือครบทุกกลุ่มตั้งแต่สตาร์ทอัพ ดำเนินธุรกิจอยู่แล้ว และกำลังประสบปัญหา
นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยในงาน “SME REVOLUTION : เส้นทางสายโอกาสเอสเอ็มอี 4.0"จัดระหว่างวันที่ 10-12 มีนาคมนี้ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์   ว่า   รัฐบาลมุ่งดูแลเอสเอ็มอี 3 กลุ่ม  ตั้งแต่ 1. กลุ่มเกิดใหม่ สตาร์ทอัพ 2. กลุ่มที่ดำเนินธุรกิจอยู่แล้ว และมีศักยภาพจะต่อยอดพร้อมขยายกิจการไปสู่ต่างประเทศ และ 3. กลุ่มประสบปัญหาแต่ยังมีศักยภาพจะฟื้นฟูได้  โดยหน่วยงานร่วมทั้งหมดจะช่วยเหลือทั้งด้านทักษะความรู้ ควบคู่กับด้านการเงิน ซึ่งในการจัดครั้งนี้ ได้เปิดตัว 3 กองทุนที่จะช่วยเหลือเอสเอ็มอี วงเงินรวม 37,000 ล้านบาท  ซึ่งคาดว่าจะสามารถปล่อยสินเชื่อสนับสนุนได้ภายในปลายเดือนเมษายนนี้
ทั้งนี้ สินเชื่อดังกล่าวประกอบด้วย 1.กองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ วงเงิน 20,000 ล้านบาท คิดอัตราดอกเบี้ย 1% ต่อปี ระยะเวลาชำระคืน 7 ปี ไม่ต้องจ่ายคืน 3 ปีแรก เพื่อให้ระยะเวลาของการเดินเครื่องจักร เบื้องต้นกำหนดคุณสมบัติว่าต้องเป็นผู้ประกอบการรายใหม่ (สตาร์ทอัพ) ที่ต้องการปรับปรุงเครื่องจักรหรือส่งสินค้าออกไปขายต่างประเทศ จำนวนวงเงินแต่ละรายจะขึ้นอยู่กับมูลค่าโครงการ ห้ามนำไปใช้ชำระหนี้เก่าหรือปรับโครงสร้างหนี้
2. กองทุนฟื้นฟูเอสเอ็มอี 2,000 ล้านบาทของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม (สสว.) มีอัตราดอกเบี้ย 1% ต่อปีระยะเวลา 7 ปี เน้นเอสเอ็มอีที่ประสบปัญหาทางการเงินที่ได้ผ่านการปรับโครงสร้างหนี้แล้ว นอกเหนือจากการให้กู้ยืมแล้วจะให้การอุดหนุน หรือเข้าร่วมกิจการ หรือร่วมทุน หรือลงทุนกับเอสเอ็มอีที่ต้องการความช่วยเหลือทางการเงินด้วย ซึ่งได้ยื่นคำขอเข้ามาทางศูนย์ช่วยเหลือเอสเอ็มอีของรัฐบาลที่กระทรวงอุตสาหกรรมเป็นผู้ดูแล (SME Rescue Center) ดังนั้น วิธีการให้ความช่วยเหลือจะทำได้กว้างขวางมากกว่าการให้กู้ยืมเพียงอย่างเดียว
นอกจากนั้น ยังมีสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (SME Transformation Loan) วงเงิน 15,000 ล้านบาท   ของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม (ธพว.)  เตรียมนำเสนอ ครม.เพิ่มเติม  ถือเป็นอีกกองทุนฯหนึ่งที่จะเข้ามาเสริมทัพ
นายอุตตมเผยด้วยว่า  มาตรการครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่มีการสร้างเครือข่ายช่วยเหลือเอสเอ็มอีในส่วนภูมิภาค โดยมีการตั้งศูนย์สนับสนุนและช่วยเหลือเอสเอ็มอี ซึ่งจะตั้งคณะทำงานมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานดูแลและแต่ละศูนย์จะทำหน้าที่คัดเลือกเอสเอ็มอี  เน้นแต่ละจังหวัดมีจุดเข้มแข็งและมีศักยภาพด้านใดบ้างและต้องการต่อยอดและมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงไปสู่เอสเอ็มอี 4.0
ด้านนายมงคล ลีลาธรรม กรรมการผู้จัดการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ธพว. หรือเอสเอ็มอีแบงก์) กล่าวว่า ธนาคารเตรียมนำโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (SME Transformation Loan) เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี วงเงิน 1.5 หมื่นล้านบาท เสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบในวันที่ 14 มี.ค.นี้ เงื่อนไขปล่อยกู้ต่อรายไม่เกิน 15 ล้านบาท คิดอัตราดอกเบี้ยผ่อนปรน 3% ใน 3 ปีแรก ระยะเวลาชำระ 7 ปี ซึ่งวงเงินกู้ 5 ล้านบาทแรกสามารถใช้วงเงินค้ำประกันของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ได้ โดยรัฐจะช่วยจ่ายค่าธรรมเนียมค้ำประกันปีแรกทั้งสิ้น 1.75% ปีที่ 2 และ 3 รัฐบาลจ่าย 0.75% ผู้ประกอบการจ่าย 1% รวมรัฐช่วยอุดหนุนดอกเบี้ย 3.25% อย่างไรก็ตาม หาก ครม.เห็นชอบโครงการดังกล่าว รวมกับโครงการสินเชื่อเอสเอ็มอีที่ผ่านๆ มาจะทำให้ธนาคารมีวงเงินช่วยเหลือรวมประมาณ 5.5 หมื่นล้านบาท

Mostview

เปิดธุรกิจที่ได้รับประโยชน์ หากเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เริ่มใช้งาน

ผลสำรวจบอกผู้มีสิทธิ์ใช้เงินดิจิทัลวอลเล็ต จะเลือกใช้จ่ายร้านค้าท้องถิ่น 40% รองลงมาเป็นร้านสะดวกซื้อ เช่น CJ, 7-Eleven 26%

สิงคโปร์ แจกเงินละ 8,000 บาท ให้ 1.1 ล้านครัวเรือนไปซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า-ประปา ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

จากสถานการณ์โลกร้อนทำให้หลายประเทศกลับมาตระหนักถึงเรื่องนี้กันมากยิ่งขึ้น ทำอย่างไรที่จะออกนโยบายที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทำให้ประชาชนตระหนักถึงเรื่องนี้เป็นอันดับต้น ๆ

ธุรกิจอีคอมเมิร์ซมาแรง คนไทยซื้อผ่านแพลตฟอร์ม 67% คาดมูลค่าปี 2567 แตะ 7 แสนล้านบาท

ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผยว่าธุรกิจอีคอมเมิร์ซมาแรงต่อเนื่อง โตแบบฉุดไม่อยู่ ปี 2566 มีมูลค่า 6.34 แสนล้านบาท คาดการณ์ปี 2567 มูลค่าแตะ 7 แสนล้านบาท และปี 2568 มูลค่าทะลุ 7.5 แสนล้านบาท

จับตาราคา “เนย” เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ในตลาดโลกใกล้แตะระดับสูงสุดเท่าทีเคยมีมา

ไม่ใช่ “โกโก้” เท่านั้นที่ราคาพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์จากปัจจัยเรื่องของสภาพอากาศที่เลวร้าย และโรคที่มากับพืชจนส่งผลกระทบต่อแหล่งเพาะปลูก ทำให้ได้ผลผลิตน้อย นำมาสู่การปรับราคาของสินค้าที่มี “โกโก้” เป็นส่วนผสม ซึ่งคาดการณ์ว่าราคาจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ

SmartSME Line