รมต.อุตสาหกรรม เผย 3 กองทุนอุ้มเอสเอ็มอี เริ่มได้ภายในเดือนเม.ย.นี้ แจงช่วยเหลือครบทุกกลุ่มตั้งแต่สตาร์ทอัพ ดำเนินธุรกิจอยู่แล้ว และกำลังประสบปัญหา
นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุ
ตสาหกรรม เปิดเผยในงาน “SME REVOLUTION : เส้นทางสายโอกาสเอสเอ็มอี 4.0"จัดระหว่างวันที่ 10-12 มีนาคมนี้ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
ว่า รัฐบาลมุ่งดูแลเอสเอ็มอี 3 กลุ่ม ตั้งแต่ 1. กลุ่มเกิดใหม่ สตาร์ทอัพ 2. กลุ่มที่ดำเนินธุรกิจอยู่แล้ว และมีศักยภาพจะต่อยอดพร้
อมขยายกิจการไปสู่ต่างประเทศ และ 3. กลุ่มประสบปัญหาแต่ยังมีศั
กยภาพจะฟื้นฟูได้ โดยหน่วยงานร่วมทั้งหมดจะช่
วยเหลือทั้งด้านทักษะความรู้ ควบคู่กับด้านการเงิน ซึ่งในการจัดครั้งนี้ ได้เปิดตัว 3 กองทุนที่จะช่วยเหลือเอสเอ็มอี วงเงินรวม 37,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะสามารถปล่อยสินเชื่
อสนับสนุนได้ภายในปลายเดื
อนเมษายนนี้
ทั้งนี้ สินเชื่อดังกล่าวประกอบด้วย 1.กองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ วงเงิน 20,000 ล้านบาท คิดอัตราดอกเบี้ย 1% ต่อปี ระยะเวลาชำระคืน 7 ปี ไม่ต้องจ่ายคืน 3 ปีแรก เพื่อให้ระยะเวลาของการเดินเครื่องจักร เบื้องต้นกำหนดคุณสมบัติว่าต้องเป็นผู้ประกอบการรายใหม่ (สตาร์ทอัพ) ที่ต้องการปรับปรุงเครื่องจักรหรือส่งสินค้าออกไปขายต่างประเทศ จำนวนวงเงินแต่ละรายจะขึ้นอยู่กับมูลค่าโครงการ ห้ามนำไปใช้ชำระหนี้เก่าหรือปรับโครงสร้างหนี้
2. กองทุนฟื้นฟูเอสเอ็มอี 2,000 ล้านบาทของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม (สสว.) มีอัตราดอกเบี้ย 1% ต่อปีระยะเวลา 7 ปี เน้นเอสเอ็มอีที่ประสบปัญหาทางการเงินที่ได้ผ่านการปรับโครงสร้างหนี้แล้ว นอกเหนือจากการให้กู้ยืมแล้วจะให้การอุดหนุน หรือเข้าร่วมกิจการ หรือร่วมทุน หรือลงทุนกับเอสเอ็มอีที่ต้องการความช่วยเหลือทางการเงินด้วย ซึ่งได้ยื่นคำขอเข้ามาทางศูนย์ช่วยเหลือเอสเอ็มอีของรัฐบาลที่กระทรวงอุตสาหกรรมเป็นผู้ดูแล (SME Rescue Center) ดังนั้น วิธีการให้ความช่วยเหลือจะทำได้กว้างขวางมากกว่าการให้กู้ยืมเพียงอย่างเดียว
นอกจากนั้น ยังมีสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (SME Transformation Loan) วงเงิน 15,000 ล้านบาท ของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม (ธพว.) เตรียมนำเสนอ ครม.เพิ่มเติม ถือเป็นอีกกองทุนฯหนึ่งที่จะเข้ามาเสริมทัพ
นายอุตตมเผยด้วยว่า มาตรการครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่มีการสร้างเครือข่ายช่วยเหลือเอสเอ็มอีในส่วนภูมิภาค โดยมีการตั้งศูนย์สนับสนุนและช่วยเหลือเอสเอ็มอี ซึ่งจะตั้งคณะทำงานมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานดูแลและแต่ละศูนย์จะทำหน้าที่คัดเลือกเอสเอ็มอี เน้นแต่ละจังหวัดมีจุดเข้มแข็งและมีศักยภาพด้านใดบ้างและต้องการต่อยอดและมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงไปสู่เอสเอ็มอี 4.0
ด้านนายมงคล ลีลาธรรม กรรมการผู้จัดการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ธพว. หรือเอสเอ็มอีแบงก์) กล่าวว่า ธนาคารเตรียมนำโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (SME Transformation Loan) เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี วงเงิน 1.5 หมื่นล้านบาท เสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบในวันที่ 14 มี.ค.นี้ เงื่อนไขปล่อยกู้ต่อรายไม่เกิน 15 ล้านบาท คิดอัตราดอกเบี้ยผ่อนปรน 3% ใน 3 ปีแรก ระยะเวลาชำระ 7 ปี ซึ่งวงเงินกู้ 5 ล้านบาทแรกสามารถใช้วงเงินค้ำประกันของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ได้ โดยรัฐจะช่วยจ่ายค่าธรรมเนียมค้ำประกันปีแรกทั้งสิ้น 1.75% ปีที่ 2 และ 3 รัฐบาลจ่าย 0.75% ผู้ประกอบการจ่าย 1% รวมรัฐช่วยอุดหนุนดอกเบี้ย 3.25% อย่างไรก็ตาม หาก ครม.เห็นชอบโครงการดังกล่าว รวมกับโครงการสินเชื่อเอสเอ็มอีที่ผ่านๆ มาจะทำให้ธนาคารมีวงเงินช่วยเหลือรวมประมาณ 5.5 หมื่นล้านบาท