“อุตตม” เผยไทยร่วมเป็นหุ้นส่วนกับเยอรมนี  ช่วยยกระดับเอสเอ็มอีไทยสู่อุตสาหกรรมยุค 4.0  เชื่อมโยงโอกาสการค้าไปยัง CLMV  แจงตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อน มอบหมายปลัดอุตสาหกรรมนั่งประธาน ขีดเส้น 2 สัปดาห์กำหนดแผนการทำงานให้เห็นเป็นรูปธรรม

นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวภายหลังร่วมงาน “อุตสาหกรรม 4.0 สู่ประเทศไทย 4.0 : หุ้นส่วนความร่วมมือไทย-เยอรมันเพื่อมุ่งสู่อุตสาหกรรมในอนาคต” หรือ  "Industry 4.0 in Thailand 4.0 : Germany - Thai Partnership for the Industry of Tomorrow"  ว่า กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอให้ประเทศเยอรมนี ที่เป็นผู้นำอุตสาหกรรม 4.0 เป็นหุ้นส่วนไทย-เยอรมนีขับเคลื่อนอุตสาหกรรม 4.0 เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนห่วงโซ่อุปทานผ่านรูปแบบกลไกประชารัฐ   โดยเฉพาะการให้ความสำคัญต่อวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) ที่จะทำอย่างไรให้ก้าวไปสู่อุตสาหกรรม 4.0  ซึ่งถือว่าเยอรมนีเป็นต้นแบบในเรื่องนี้  นอกจากนั้น ขยายโอกาสออกไปสู่กลุ่มประเทศ CLMV หรือกัมพูชา ลาว เมียนมาร์และเวียดนาม  ซึ่งไทยเป็นศูนย์กลางมีความเชื่อมโยงและมีความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศเพื่อนบ้านอยู่แล้ว ทั้งนี้ จะมีการจัดตั้งหุ้นส่วนความร่วมมือไทย-เยอรมันขับเคลื่อนอุตสาหกรรม 4.0 โดยยึดรูปแบบประชารัฐที่เป็นความร่วมมือทั้งรัฐและเอกชน โดยมี  “นายสมชาย หาญหิรัญ” ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานคณะทำงาน ซึ่งจะกำหนดกรอบการทำงานเบื้องต้นเสร็จภายใน 2 สัปดาห์นับจากนี้ไป  คาดว่าจะสรุปแนวทางดำเนินการให้เห็นภาพที่ชัดเจน ปัจจุบันธุรกิจเยอรมันเข้ามาลงทุนในไทย 600 บริษัท ความร่วมมือครั้งนี้จะเป็นเวทีการเชื่อมโยงภาคอุตสาหกรรมไทยและอุตสาหกรรมเยอรมัน และรัฐ เช่น กระทรวงอุตสาหกรรม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) สภาหอการค้าเยอรมัน ฯลฯจะทำงานร่วมกันซึ่งนอกเหนือจากการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้แล้วเยอรมันก็จะได้ใช้ไทยเป็นประตูการค้าและการลงทุนสู่ประเทศ CLMV และจะนำไปสู่การลงทุนอุตสาหกรรมเป้าหมายในไทยมากขึ้น เช่น อุตสาหกรรมหุ่นยนต์เป็นต้น นายอุตตม เผยด้วยว่า  ประเทศไทยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมารัฐบาลเดินหน้าปรับเปลี่ยนประเทศตามนโยบาย  Thailand 4.0 โดยมีการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานทั้งในส่วนที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพ เช่น ลงทุนโครงข่ายอินเทอร์เน็ต 76,000 หมู่บ้าน ทำให้ประชาชนทั่วประเทศสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตราคาถูกใน 2 ปีข้างหน้าและโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ เช่น การปรับเปลี่ยนและออกกฎหมายใหม่เพื่อรองรับแล้ว รวมถึงมีชุดมาตรการส่งเสริมการลงทุนที่รองรับกับอุตสาหกรรมใหม่ โดยมี 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย เรียกว่า S-Curve แบ่งเป็น 5 อุตสาหกรรมเดิม และ 5 อุตสาหกรรมใหม่ ดังนั้น ปีนี้จึงเป็นช่วงเวลาที่จะลงมือปฏิบัติอย่างเป็นระบบและสำคัญที่สุด คือ การสร้างความเป็นหุ้นส่วนเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ด้านนายมาร์คุต ลอเรนซินี่ ประธานหอการค้าเยอรมัน-ไทย กล่าวว่า การหารือครั้งนี้ได้พูดถึงการพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานไทยที่เป็นหัวใจสำคัญในการรองรับอุตสาหกรรม 4.0 ซึ่งมองว่าไทยต้องการการพัฒนาด้านการศึกษา เพื่อฝึกอบรมให้กับพนักงานในบริษัทโดยเฉพาะเอสเอ็มอีและการจัดทำหลักสูตรต่างๆ ซึ่งเยอรมันมีแผนช่วยประเทศไทยด้วยการสร้างรูปแบบการพัฒนาบุคลากรขึ้นมา โดยมองว่ามีส่วนสำคัญหลังจากนี้แล้วคงจะต้องเดินหน้าทันที โดยสิ่งที่เยอรมันจะได้ครั้งนี้คือมองว่าไทยเป็นอีกประเทศหนึ่งการลงทุน อยู่ศูนย์กลางอาเซียนสามารถกระจายไปสู่ตลาดโลกได้