ดัน! เอกชนไทยลงทุนธุรกิจความงามในเมียนมา
by Smart SME,
18 สิงหาคม 2560
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่าธุรกิจด้านคลินิกเสริมความงามและเครื่องสำอางในประเทศเมียนมามีแนวโน้มอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดด โดยมีอัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปี 14 % คิดเป็นมูลค่าตลาดรวมกว่า 318 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 11,100 ล้านบาท รวมทั้งพบว่าเมียนมามีงบประมาณการโฆษณาในกลุ่มอุตสาหกรรมความงามเพิ่มขึ้นมากถึง 77 % ต่อปี ทำให้เป็นโอกาสของธุรกิจไทยที่จะเข้าไปลงทุนและเปิดตลาดในเมียนมาได้
“ผู้บริโภคเมียนมาจะให้ความสำคัญกับแบรนด์และคุณภาพของสินค้าเป็นหลัก ซึ่งแบรนด์ไทยเป็นที่ยอมรับในตลาดเมียนมามาเป็นอย่างดี ประกอบกับชาวเมียนมาส่วนใหญ่เป็นวัยทำงานและมีรายได้เพิ่มขึ้น จึงหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องความสวยความงามกันมากขึ้น” นางอภิรดี กล่าว
รมว.พาณิชย์ กล่าวต่อว่าสำหรับธุรกิจคลินิกความงามในเมียนมานั้นชาวต่างชาติลงทุนได้ 100% แต่ต้องได้รับการอนุมัติจากกระทรวงสุขภาพ นอกจากนี้เอกชนไทยต้องศึกษาข้อมูลพฤติกรรมผู้บริโภคในการเจาะตลาด โดยปัจจุบันผู้บริโภคเมียนมาคำนึงถึงบุคลิกภาพของตนเองมากขึ้นและมีความต้องการสินค้ามีนวัตกรรมใหม่ ๆสอดรับกับการเติบโตของสังคมเมืองทำให้แรงซื้อมีมากขึ้น ขณะเดียวกันการเติบโตของสังคมเมือง สื่อสังคมโซเชียล ความนิยมในตัวดาราและนักแสดงไทย และการที่เมียนมาเริ่มมีเวทีประกวดต่างๆ จำนวนมาก ทำให้ผู้บริโภคยอมลงทุนเพื่อให้ตัวเองดูดี
ส่วนข้อควรระวังในการลงทุนในเมียนมาต้องคำนึงถึงสัญญาการเช่าสำนักงาน เนื่องจากกฎหมายเมียนมากำหนดระยะเวลาการเช่าที่ต้องทำสัญญาแบบปีต่อปี และต้องชำระค่าเช่าล่วงหน้า 1 ปี การลงทุนควรปรึกษาหน่วยงานที่มีข้อมูลด้านกฎหมายของเมียนมาเพื่อความชัดเจน เพราะเมียนมาอยู่ระหว่างการประกาศใช้กฎหมายลงทุนฉบับใหม่ปี 60 ทำให้กฎหมายลูกต่างๆ ยังอยู่ระหว่างการร่าง และยังไม่มีความชัดเจน เป็นต้น
สำหรับแผนผลักดัน ให้ผู้ประกอบการเข้ามาลงทุนธุรกิจคลินิกความงามและเครื่องสำอางในเมียนมานั้นจะเน้นกลยุทธ์เข้าไปลงทุนโดยภาคเอกชนไทยต้องขยายธุรกิจในรูปแบบธุรกิจแฟรนไชส์ เช่นเดียวกับรูปแบบของแบรนด์นิติพลและแบรนด์วุฒิศักดิ์ ด้วยการให้นักลงทุนท้องถิ่นดำเนินการและรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเรื่องค่าเช่าสำนักงานหรือการหาพันธมิตร (พาร์ทเนอร์) ท้องถิ่นที่มีศักยภาพ ที่จะช่วยเพิ่มองค์ความรู้ด้านการตลาดและการเข้าถึงตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตามสินค้าเครื่องสำอาง อาหารและยา ต้องขึ้นทะเบียนกับองค์การอาหารและยาของเมียนมา โดยผู้นำเข้าต้องเป็นบริษัทเมียนมาเท่านั้นที่สามารถเป็นผู้ขอขึ้นทะเบียนได้ บริษัทต่างชาติเจ้าของสินค้าไม่สามารถขอขึ้นทะเบียนได้ และผู้ที่เป็นบริษัทตัวแทนจำหน่ายต้องเป็นผู้นำเข้าสินค้านั้นเองด้วย ซึ่งต้องมีใบอนุญาตนำเข้าสินค้า ในปัจจุบันมีคลินิกเสริมความงามของไทยที่ทำธุรกิจในเมียนมาแล้วหลายราย เช่น วุฒิศักดิ์ คลินิก , นิติพล คลินิก , ดร.ปัญญา ส่วนธนพร คลินิก อยู่ระหว่างการเจรจาร่วมทุนกับนักธุรกิจท้องถิ่น และพฤกษา คลินิก อยู่ระหว่างการศึกษาลู่ทางธุรกิจ