นายฉัตรชัย ตวงรัตนพันธ์ ผู้อำนวยการบริหาร สมาคมค้าปลีกไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจค้าปลีกในไทยขณะนี้เริ่มมีแบรนด์ร้านค้าปลีกที่จำหน่ายสินค้าเฉพาะประเภท (Specialty Store) จากต่างประเทศเข้ามาเปิดกิจการในไทยเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นรูปแบบค้าปลีกที่มีศักยภาพเติบโต โดยเฉพาะในรูปแบบวันไพรซ์สโตร์หรือจำหน่ายสินค้าราคาเดียว อาทิ ไดโซะ ของญี่ปุ่น จำหน่ายราคา 60 บาท เอโกะ ของไทยเริ่มต้น 20 บาท หรือกระทั่งมินิโซจากจีน เริ่มต้น 39 บาท ฯลฯ สำหรับปัจจัยที่ผลักดันให้ร้านวันไพรซ์ขยายตัวในไทยและเอเชีย อย่างในเกาหลีก็มีร้าน 1,000 วอน เนื่องจากโลกก้าวเข้าสู่ดิจิทัล เทคโนโลยีที่เข้ามาอย่างรวดเร็วและมีผลต่อไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค ส่งผลให้เทรนด์แฟชั่นมาไวและไปไวด้วยเช่นเดียวกัน พฤติกรรมการซื้อสินค้าจึงเปลี่ยนเร็ว ทัศนคติเปลี่ยนหันมาซื้อสินค้าราคาไม่สูง การตัดสินใจซื้อสินค้าก็ง่าย ใช้แล้วก็เปลี่ยนใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ จากการสำรวจร้านค้าวันไพรซ์ ความเคลื่อนไหวของไดโซะ เริ่มขยายสินค้าในกลุ่มสกินแคร์ โฟมล้างหน้า เครื่องสำอางเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อขยายฐานลูกค้ากลุ่มวัยรุ่นหรือวัยเริ่มทำงาน จากก่อนหน้านี้ส่วนใหญ่สินค้าจะเป็นของใช้ในครัวเรือนเจาะกลุ่มแม่บ้าน นอกจากนี้ ยังเริ่มนำผลิตภัณฑ์เสริมอาหารซึ่งเป็นสินค้าไฮไลต์ของญี่ปุ่นเข้ามาจำหน่าย ขณะที่มินิโซของจีน สินค้ามุ่งเน้นการดีไซน์โดยญี่ปุ่น มีสินค้าที่ได้รับความสนใจ อาทิ สกินแคร์ เครื่องนวดหน้าไฟฟ้า เป็นต้น นอกจากนี้ โมเดลค้าปลีกสเปเชียลตี้สโตร์ที่ยังมีช่องว่างให้ทำตลาดอีกรูปแบบคือ ร้านจำหน่ายสินค้าเพื่อสุขภาพและความงาม อาทิ มัตสึโมะโตะ ซูรูฮะ หรือดองกี โฮเต ซึ่งเป็นคอนเซ็ปต์ซูเปอร์สโตร์ในญี่ปุ่นชื่อดัง ที่จำหน่ายสินค้าตั้งแต่ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม สินค้าอุปโภคบริโภคญี่ปุ่น กระเป๋า ถุงเท้า ครอบคลุมทั้งหมด เป็นที่รู้จักคนไทยเป็นอย่างดี ได้เตรียมเปิดตัวโครงการเอกมัยมอลล์ปลายปีนี้ สำหรับภาพรวมธุรกิจค้าปลีกมูลค่า 3 ล้านล้านบาท ในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า ยังมีศักยภาพเติบโต 5% จากจำนวนประชากรที่ขยายเพิ่มขึ้นจาก 65 ล้านคน เป็น 70 ล้านบาท รวมทั้งกำลังการซื้อของผู้บริโภค โดยประเมินทั้งปีธุรกิจค้าปลีกโต 3% ซูเปอร์มาร์เก็ตโต 6-7% มาจากฐานลูกค้าระดับกลางบนที่หันมาซื้อสินค้าในช่องทางดังกล่าว ไฮเปอร์มาร์เก็ตอยู่ในภาวะทรงตัวหรือโต 2-3% ห้างสรรพสินค้าโต 3%