นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ได้อนุมัติสวัสดิการผู้มีรายได้น้อยผู้ลงทะเบียน 11.6 ล้านคน เช่น ขึ้นรถเมล์ฟรีและรถไฟฟ้าฟรี อย่างละ 500 บาทต่อเดือน ในต่างจังหวัดขึ้นรถบขส. และรถไฟฟรี อย่างละ 500 บาทต่อเดือน และยังช่วยค่าครองชีพ 200-300 บาท โดยต้องซื้อสินค้าในร้านธงฟ้าซึ่งขายถูกกว่าตลาด 15% ซึ่งขายผ่านเครือข่ายร้านค้าธงฟ้าที่มีอยู่ 20,000 แห่ง สำหรับธุรกิจเอสเอ็มอีที่มีสินค้าสามารถติดต่อมาวางขายได้ในร้านธงฟ้าได้ ทั้งนี้ปัจจุบันโลกเปลี่ยนแปลงเร็วมาก เป็นโลกไร้พรมแดน มีความเชื่อมโยงกันมากขึ้นและเป็นดิจิทัลมากขึ้น ซึ่งรัฐบาลมีนโยบายที่ให้เอสเอ็มอีทันกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว และต้องสร้างความแข็งแกร่งให้เอสเอ็มอี ซึ่งโลกที่เปลี่ยนไปเป็นทั้งอุปสรรคและเป็นทั้งโอกาส เช่น การขายของแบบเดิมผ่านออฟไลน์ เช่น หน้าร้าน ฝากขาย หรือออกงานแฟร์ แต่ออนไลน์เป็นช่องทางใหม่ แต่การทำตลาดออนไลน์ไม่ง่ายเช่นกัน ขณะที่ข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ระบุว่าธุรกิจเอสเอ็มอีมีค่าความอยู่รอดภายใน 5 ปี ที่ 50% คือมีครึ่งหนึ่งรอดและที่เหลือทยอยล้มหายตายจากไป ทั้งนี้ตามข้อมูลของ สสว.พบว่า เอสเอ็มอีทั้งหมด 3 ล้านรายมาจดทะเบียนนิติบุคคลเพียง 6 แสนกว่าราย สัดส่วนเพียง 25-40% เท่านั้น และจากข้อมมูลเชิงลึกพบว่าเอสเอ็มอีส่วนใหญ่เป็นเจ้าของคนเดียว หรือหากมีผู้ถือหุ้นก็ถือสัดส่วนมากว่า 80% ซึ่งทำให้กระทรวง ต้องออกกฎหมายนิติบุคคลคนเดียวมา คาดว่าจะออกมาได้ภายในปีนี้ และเชื่อว่าเอสเอ็มอีจะมาจดทะเบียนมากขึ้น ทั้งนี้เอสเอ็มอีสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจ ซึ่งตามยุทธศาสตร์ชาติให้ความสำคัญ ซึ่งประเทศที่พัฒนาแล้วสัดส่วนเอสเอ็มอีต่อจีดีพีประเทศอยู่ที่มากกว่า 50% ปัจจุบันไทยมีเอสเอ็มอีอยู่ที่ 43% ของจีดีพี จะมีการผลักดันให้สัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 50% ตามเป้าหมาย สสว. ในปี 2564 โดยจะไปถึงเป้าหมายได้การเติบโตเอสเอ็มอีต้องเติบโตเร็วกว่าจีดีพีประเทศ ที่ปีนี้คาดเติบโต 3.7-3.8%