นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยกรณีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณไปหาแนวทางในการเพิ่มวงเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐสำหรับซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค จากปัจจุบันอยู่ที่ 200 - 300 บาทต่อบัตรต่อเดือนว่า กระทรวงการคลังจะเร่งศึกษาการเพิ่มวงเงินในบัตรสำหรับใช้จ่ายสินค้าที่จำเป็นอย่างเร่งด่วน โดยยอมรับว่าที่ผ่านมาประชาชนที่มีบัตรสวัสดิการยังใช้สิทธิบริการรถไฟ หรือรถบขส. ที่มีวงเงินเดือนละ 500 บาทน้อย จึงมีความเป็นไปได้ในการโยกเงินในส่วนนี้ไปเพิ่มไว้ในส่วนของการใช้จ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่ร้านธงฟ้าแทน ซึ่งอาจจะเพิ่มเป็นเดือนละ 700-800 บาท จากเดิมมี 200-300 บาท แต่ยืนยันว่าวงเงินงบประมาณที่ใช้ในการดำเนินโครงการสวัสดิการแห่งรัฐปี 60 จะยังอยู่ที่ 4.19 หมื่นล้านบาท ไม่ปรับเพิ่มขึ้นแม้จะมีการปรับเพิ่มวงเงินในการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่ร้านธงฟ้าก็ตาม ในวันนี้ (วันที่ 17 ต.ค. 60) กระทรวงการคลังจะเดินหน้าแจกจ่ายบัตรสวัสดิการให้กับผู้มีสิทธิถือบัตรสวัสดิการผู้มีรายได้น้อยในพื้นที่ 7 จังหวัดที่เหลือได้แก่ กรุงเทพมหานคร จังหวัดนนทบุรี จังหวัดปทุมธานี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดนครปฐม และจังหวัดสมุทรสาคร จำนวน 1.3 ล้านคน โดยสามารถรับสวัสดิการที่รัฐบาลจัดให้ได้ทันที ด้านน.ส.สุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวว่า กรมบัญชีกลาง ได้จัดส่งบัตรสวัสดิการแห่งรัฐแบบบัตรแมงมุมไปยังหน่วยรับลงทะเบียนทั้ง 7 จังหวัดเรียบร้อยแล้ว โดยการใช้งานบัตรสวัสดิการแห่งรัฐแบบบัตรแมงมุมกับระบบตั๋วร่วม (อี-ทิกเก็ต) ได้มีการทดสอบประสิทธิภาพการใช้งานเครื่องอ่านบัตรอิเล็กทรอนิกส์ บนรถเมล์ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) แล้ว ซึ่งสามารถตรวจสอบและหักเงินได้อย่างแม่นยำ แต่ทางขสมก.จะดำเนินการทดสอบการใช้งานบัตรกับเครื่องอ่านบัตรที่ติดตั้งบนรถเมล์ธรรมดา 800 คัน ตลอดเดือนต.ค. 60 เพื่อให้เกิดความมั่นใจในการใช้งานได้จริง และจะให้ผู้มีสิทธิใช้บัตรสวัสดิการขึ้นรถเมล์ได้ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. เป็นต้นไป โดยระหว่างเดือนนี้ยังใช้บริการรถเมล์ฟรีได้อยู่ ส่วนการใช้งานกับรถไฟฟ้าอยู่ระหว่างการปรับปรุงระบบการขายตั๋วของรถไฟฟ้าให้รองรับบัตรแมงมุม ซึ่งจะพร้อมให้ใช้งานได้ประมาณกลางปี 61 เป็นต้นไป