ปั้นอู่ตะเภาเทียบเจิ้งโจว สู่มหานครการบิน
by Smart SME,
3 กันยายน 2561
นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษ ภาคตะวันออก (กพอ.) เปิดเผยภายหลังงานสัมมนารับฟังความคิดเห็นจากภาคประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องครั้งที่ 2 โครงการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) : เมืองการบินภาคตะวันออก หรือท่าอากาศยาน อู่ตะเภา ว่าความคืบหน้าความร่วมมือพัฒนามหานครแห่งการบินเบื้องต้นมีการหารือร่วมกับสนามบินเจิ้งโจวในประเทศจีน เพื่อพัฒนาพื้นที่โดยรอบสนามบินระยะ 30 กิโลเมตร โดยจะใช้โมเดลของเจิ้งโจวซึ่งจะมีการบันทึกลงนามความร่วมมือ (เอ็มโอยู) ภายใน 1-2 เดือนต่อจากนี้
โดย “เจิ้งโจว” เป็นเมืองเอกของมณฑลเหอหนาน ตั้งอยู่ที่ภาคกลางของประเทศจีน และมีความสำคัญทางด้านคมนาคมในภาคกลางของจีน คือหนึ่งในเมืองแห่งอุตสาหกรรมหลักในจีนตั้งแต่ พ.ศ. 2492 เป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจที่สำคัญ อยู่ใกล้สนามบินนานาชาติซินเจิ้ง เน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และการสื่อสาร อุตสาหกรรมยาชีวภาพ อุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยียาจีน ธุรกิจโลจิสติกส์สมัยใหม่ และอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องมือและอุปกรณ์ต่าง ๆ อาทิ ชิ้นส่วนประกอบรถยนต์ และอุปกรณ์ไฟฟ้า
นอกจากนี้ยังเป็นอีกหนึ่งเมืองของประเทศจีน ที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวค่อนข้างมาก เพราะที่นี่เป็นศูนย์กลางทางด้านการเมือง อุตสาหกรรม เศรษฐกิจ เทคโนโลยี และการศึกษาที่สำคัญของมณฑลเหอหนาน อีกทั้งยังมีประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ ทำให้เมืองแห่งนี้กลายเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว
ทั้งนี้ มหานครแห่งการบินจะเป็นการพัฒนาพื้นที่เพื่อสนับสนุนการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ การก่อสร้างศูนย์ซ่อมอากาศยาน (เอ็มอาร์โอ) ในพื้นที่กว่า 200 ไร่ และการท่องเที่ยวส่งผลให้เกิดการจ้างงานเพิ่มมากขึ้น โดยปีหน้าจะผลักดันให้เกิดการเชื่อมโยงอย่างเป็นรูปธรรม โดยศึกษาข้อมูลในการดำเนินงานทั้งเรื่องการขนส่ง และการใช้เทคโนโลยีในพื้นที่ โดยคาดว่าการพัฒนาจะต้องใช้ระยะเวลากว่า 10-15 ปี เพื่อให้เกิดเป็นมหานครแห่งการบินเต็มรูปแบบ
ขณะที่การพัฒนาสนามบินที่เป็นการใช้พื้นที่ของกองทัพเรือ ทาง กพอ. จะเร่งรัดให้มีการสรุปร่างขอบเขตการประมูล (ทีโออาร์) ภายในเดือน ต.ค.2561 นี้ ก่อนที่จะเปิดขายซองให้กับเอกชนที่สนใจ และคาดว่าภายในเดือน ก.พ. 2562 จะได้ผู้ชนะการประมูลรวมถึงเริ่มดำเนินโครงการได้ก่อนมีการเลือกตั้งครั้งใหม่ ซึ่งจะใช้ระยะเวลาในการพัฒนาพื้นที่แล้วเสร็จภายในช่วงปลายปี 2566 โดยเบื้องต้นมีเอกชนหลายรายสนใจทั้งไทยและต่างประเทศ
“เราได้เปิดโอกาสให้เอกชนที่สนใจลงทุนเข้ามาคุยเพื่อเจรจาถึงสัดส่วนการลงทุนโดยมีบางฝ่ายต้องการที่จะลงทุนทั้ง 100% แต่ต้องมาพิจารณาอีกครั้ง เนื่องจากกำหนดเบื้องต้นการดำเนินการสนามบินอู่ตะเภาต้องอยู่ภายใต้สัดส่วนการถือหุ้น 75 ต่อ 25%” นายคณิศ กล่าว