วันอังคาร, พฤษภาคม 14, 2567

ทูตพาณิชย์ชี้ช่องทางส่งออกไปจีนควรเน้นตลาดระดับบน

by Smart SME, 26 มีนาคม 2558

จีนนับได้ว่าเป็นประเทศที่มีประชาการเป็นจำนวนมากและมีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว  โดยปีที่ผ่านมามีการตั้ง GDP ไว้ที่ 7.5 ซึ่งทำได้เพียง 7.4 แต่คงไม่ใช่ปัญหาสำหรับจีน เพราะจีนมีการใช้นโยบายที่เรียกว่า “ลีนอมอลโกลด์” ซึ่งเป็นนโยบายที่เน้นการเติบโตอย่างช้าๆ เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน  โดยในช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมา GDP ของจีนสามารถเติบโตได้ 7.4 ซึ่งถือจีมีโอกาสทางตลาดการค้ามาก แต่ด้วยนโยบาย “ลีนอมอลโกลด์” ทำให้จีนเริ่มมีการชะลอตัวทางการค้า เพราะต้องการทำให้เกิดความยั่งยืนมากขึ้น

               Miss Pannakarn Jiamsuchon ทูตพาณิชย์ประจำเมืองกวางโจว ประเทศจีน เผยตัวเลขการส่งออกระหว่างประเทศในปีที่ผ่านมาว่ามีประมาณ 43 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ พร้อมคาดการทิศทางเศรษฐกิจในปีนี้ว่าจีนจะมีการเติบโตอย่างยั่งยืนและมั่นคง เพราะสาเหตุที่จีนเริ่มชะลอตอตัวเรื่องการค้าเพราะไม่ต้องการให้เกิดภาวะฟองสบู่แตก ซึ่งถ้าหากจีนไม่ทำแบบนี้ คาดว่าอีกไม่เกิน 5 ปีจะต้องเกิดภาวะฟองสบู่แตกแน่นอน ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตที่รวดเร็วเกินไป  ทั้งนี้จีนยังมีนโยบายอีกอย่างหนึ่งที่ได้เริ่มทำมาตั้งแต่กลางปีที่แล้ว ก็คือการทำฟรีเทสโซน  ซึ่งได้เริ่มทำที่เซี่ยงไฮ้เป็นที่แรกมาได้ปีกว่า และจะมีการเปิดเพิ่มอีก 3 แห่ง ได้แก่ กวางตุ้ง  กู่เจียง  เทียนจิน  พร้อมกันนี้ยังได้มีนโยบายเส้นทางสายใหม่ทางทะเล “One Belt One Road” ซึ่งเป็นสิ่งที่จีนกำลังให้ความสนใจมากในตอนนี้  เพราะมันเป็นเครื่องมือที่จีนสามารถนำไปใช้สารสำพันธ์ระหว่างประเทศไทย และเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าจีนต้องการจะทำการค้ากับประเทศสหรัฐอเมริกา ทำให้จีนต้องใช้ “One Belt One Road” ไปเป็นเครื่องมือในการทำการค้ากับอเมริกาและหลายๆประเทศ

               ประเทศจีนถือได้ว่าเป็นผู้ค้าอันดับ 1 ของประเทศไทย ทั้งนำเข้าและส่งออก แต่สำหรับไทยยังคงเป็นผู้ค้าอันดับที่ 14 ของจีน โดยตัวเลขการส่งออกและนำเข้าของปีที่แล้ว ไทยส่งออกไปจีนประมาณ 25,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีการนำเข้าจากจีน 38,000 ล้านเหรียญสหรัฐ  แต่ถ้าเป็นเฉพาะมลฑลกวางตุ้ง ถือว่าไทยได้เปรียบทางการค้า เพราะว่าไทยมีการส่งออกไปยังกวางตุ้งมากกว่าการนำเข้าจากกวางตุ้ง โดยไทยได้ตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่าจะต้องส่งออกไปยังกวางตุ้งให้ได้ 100,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งในขณะนี้มีการส่งออกไปแล้ว 60,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีสินค้าหลักในการส่งออก ส่วนใหญ่จัดอยู่ในพวกสินค้าอุตสาหกรรมเป็นส่วนใหญ่ อาทิเช่น ยางพารา  มันสำปะหลัง  สินค้าอิเล็กทรอนิกส์  เครื่องจักรกล  พลาสติก  เคมี  แต่ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานี้ สินค้าจำพวกอาหารและเครื่องดื่ม ถือว่าเป็นกลุ่มสินค้าที่น่าจับตามองอีกอย่างหนึ่ง

               มลฑลกวางตุ้ง  มลฑลหัวเป่ย  มลฑลไห่หนาน เป็นมลฑลที่อยู่ในการดูแลของกวางโจว  โดยมีกวางตุ้งเป็นเมืองหลวง  และมีเขตเมืองที่สำคัญหลายเมือง  และในปัจจุบันไม่ได้มีเฉพาะกวางโจว  เซินเจ้น  ตงกวน เท่านั้นที่ถือว่าเป็นที่สุดของจีน แต่ยังมีเมืองที่ชื่อว่าจำเจียงด้วย ซึ่งในเมืองนี้กำลังมีการก่อสร้างท่าเรือขนาดใหญ่ และบริษัทซีพี ยังได้ไปเปิดโรงงาน พร้อมกับฟาร์มหมูฟาร์มไก่ อยู่ที่เมืองนี้ด้วย โดยกวางตุ้งถือได้ว่าเป็นเมื่องหลักที่สำคัญอีกเมืองหนึ่ง แล้วยังถือได้ว่าเป็นประตูนำสินค้าของไทยเข้าสู่จีนมานับสิบปีเลยก็ว่าได้  จนทุกวันนี้ไทยก็ยังคงอันดับ 1 อยู่ เพราะสินค้าไทยส่วนใหญ่จะเข้าท่าเรือกวางโจว  กับท่าเรือเซินเจิ้น  ส่วนสินค้าข้าวจะเข้าที่ท่าเรือหัวเป่ย  และในขณะนี้ก็ยังมีท่าเรือใหม่ๆเกิดขึ้นอีกหลายแห่ง เช่น ท่าเรือหนานซาง ที่กำลังเปิดให้บริการ โดยล่าสุดก็เริ่มมีสินค้าประเภทผลไม้มาเข้าที่ท่าเรื่อนี้แล้ว และที่สำคัญท่าเรือหนานซางจัดได้ว่าเป็นท่าเรือที่ใกล้ไทยมาที่สุด เพราะจากเดิมต้องผ่านฮ่องกง  ผ่านเซินเจิน แล้วถึงจะไปถึงท่าเรือกวางโจว  แต่ท่าเรือหนานซางเป็นท่าเรือในการส่งออกผลไม้ที่ใกล้ที่สุดในการนำผลไม้เข้าเมืองกวางโจวของไทย

                มลฑลหัวเป่ย เป็นอีกหนึ่งมลฑลที่มีความสำคัญเพราะในขณะนี้จีนมีความต้องการที่จะขยายตลาดไปที่เมืองดองกวนมากยิ่งขึ้น ซึ่งมลฑลหัวเป่ยจัดเป็นอีกหนึ่งเมืองรองที่มีศักยภาพสูง โดยมีเมืองหลวงคือเมืองอู่ฮั่น ซึ่งเป็นเมืองแห่งอุตสาหกรรมรถยนต์ และอุตสาหกรรมเหล็กกล้า แถมยังเป็นเมืองที่มีสภาพเศรษฐกิจเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยมีการคาดการว่าอีก 5 ปีจะมีความเท่าเทียมกับกวางโจว แต่ในขณะนี้ห้างสรรพสินค้าต่างๆก็เริ่มเข้ามาในอู่ฮั้นมากขึ้น ซึ่งก็ถือเป็นกลไกสำคัญสำหรับสินค้าไทยที่จะเข้าไปในตลาดเมืองกวนดองมากขึ้น

               มลฑลไห่หนาน  ถูกเรียกว่าเป็นฮาวายของประเทศจีน แต่ในส่วนของสินค้าไทยเราอาจไม่ได้มีการเน้นมากนัก เพราะมลฑลไห่หนานมีสภาพภูมิศาสตร์เหมือนกับเกาะภูเก็ตบ้านเรา ทำให้สินค้าผลไม้และสินค้าพวกเกษตร มีสภาพใกล้เคียงกับไทย  แต่สิ่งหนึ่งที่ไทยจะเข้าไปได้ก็คือธุรกิจบริการ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของสปา  ร้านอาหาร  ธุรกิจโรงแรม โดยในขณะนี้ก็มีโรงแรมดุสิตธานีเข้าไปและกำลังอยู่ในระหว่างก่อสร้างอยู่ โดยที่ไห่หนานเราจะเน้นที่ธุรกิจบริการมากกว่าและถ้าเป็นพวกผลิตภัณฑ์ ก็จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจบริการ

               สินค้าเป้าหมายหลักๆ ของไทย คือสินค้าเกษตร  สินค้าอาหาร ธุรกิจบริการ  โดยกลุ่มผู้บริโภคของจีนจะสามารถแบ่งออกเป็นหลายๆกลุ่มที่มีศักยภาพ โดยที่เราจะสามารถขายสินค้าได้ เช่นกลุ่มคนชั้นกลางถึงสูง ซึ่งในขณะนี้มีการขยายฐานของกลุ่มนี้ค่อนข้างมาก ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีร้านค้าที่ขายสินค้าระดับสูงอย่างพวกอิมพอร์ตช็อปเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก โดยอิมพอร์ตช็อป จะแตกต่างจากซุปเปอร์มาร์ตเก็ตทั่วไปตรงที่จะเป็นร้านที่ขายสินค้านำเข้าจากต่างประเทศทุกชนิด  โดยไม่ได้จำกัดชนิดของสินค้า  ซึ่งทุกอย่างที่เป็นสินค้านำเข้าสามารถนำไปวางขายในร้านพวกอิมพอร์ตช็อปได้

แม้ว่าตอนนี้จีนจะมีนโยบายผ่อนปรนเรื่องมีลูกคนเดียวแล้ว แต่ส่วนใหญ่ก็ยังเป็นครอบครัวขนาดเล็กมีลูกคนเดียว ฉะนั้นเด็กจึงได้รับการเอาใจใส่เป็นอย่างดี ถ้าเป็นครอบครัวที่มีฐานนะหรือมีศักยภาพเพียงพอ เค้าจะพยายามให้สิ่งที่ดีที่สุดกับเด็ก เช่น นม ถ้าเป็นครอบครัวระดับกลางจะไม่ซื้อนมจีน ส่วนใหญ่จะไปซื้อที่ฮ่องกง หรือไม่ก็พวกร้านนำเข้า เนื่องจากไม่มีความน่าเชื่อถือของนมในประเทศจีน อย่างที่เห็นในข่าวอยู่บ่อยครั้ง  นี่เป็นเพียงตัวอย่างเดียว แต่สินค้าเกี่ยวกับเด็กทุกชนิดในจีน พ่อแม่ในจีนจะเลือกแต่สิ่งที่มีคุณภาพเท่านั้น เพราะเขาต้องการให้ลูกได้รับในสิ่งที่ดีที่สุด ซึ่งถือเป็นอีกช่องทางหนึ่งของไทย หากมีความต้องการจะขายสินค้าเกี่ยวกับเด็ก นอกจากนี้ ปัจจุบันคนจีนที่มีการศึกษาดี  ฐานะดี กลุ่มคนเหล่านี้จะออกสู่นอกประเทศมากขึ้น แล้วเวลาที่กลุ่มคนเหล่านี้ไปอยู่ต่างประเทศแล้วกลับมา ก็จะเกิดความรู้สึกอยากบริโภคสินค้าที่เคยบริโภคอีก หรือบางคนอาจจะต้องการอัพเกรดของตัวเอง ด้วยการบริโภคของที่คนอื่นไม่ได้บริโภค

               ลักษณะของการบริโภคสินค้าต่างๆ เช่นการบริโภคสินค้าต่างๆในชีวิตประจำวัน ผู้บริโภคก็อยากบริโภคสินค้าที่มีแบรนด์ เพราะเวลาที่บริโภคไปแล้วเขาจะมีความรู้สึกปลอดภัยในชีวิต เพราะกลุ่มผู้บริโภคระดับบนไม่ได้เน้นว่าสินค้าต้องมีราคาถูก แต่เน้นที่คุณภาพเป็นหลัก ส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าและรถยนต์ ต้องเน้นแบรนด์และเน้นคุณภาพ แม้กระทั่งสินค้าอาหารก็ต้องเน้นในเรื่องคุณภาพเป็นหลัก  ส่วนผลไม้ยังถือว่าเป็นอันดับ 1 ของไทยในเรื่องของการส่งออก  โดยเฉพาะในกวางตุ้ง ซึ่งมีอยู่ประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ ของการนำเข้าผลไม่ไทยเข้ามาในเมืองจีน โดยจีนอนุญาตให้ไทยนำเข้าผลไม้ได้ 23 ชนิด แต่ปัจจุบันน่าจะมีอยู่ 22 ชนิด เพราะชมพู่ถูกให้ระงับการนำเข้าชั่วคราว แต่ในขณะนี้ จีนกำลังทดลองให้นำเข้าชมพู่ใหม่ในช่วง 3 เดือนนี้ ตั้งแต่ต้นปี จนถึงปลายเดือนมีนาคม ถ้าไม่มีปัญหาอะไรก็จะสามารถนำเข้าได้ต่อ โดยสินค้าหลักๆก็จะมี ทุเรียน  ลิ้นจี่  มังคุด  สำไย  มะพร้าว  มะม่วง  เงาะ แต่ในขณะนี้ส้มโอกับมะขามหวาน ก็เริ่มได้รับความนิยมในช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมา  พร้อมทั้งสินค้าแปรรูปอย่างพวกอบแห้งก็ยังได้รับความนิยมเหมือนเช่นเคย แต่สินค้าพวกอบกรอบหรือประเภทดอง ทางจีนจะมีของเขาเอง  แต่เราก็สามารถนำเขาไปจำหน่ายได้ แต่สิ่งสำคัญอยู่ที่เราจะขายยังไง ให้คนจีนรู้สึกว่าอยากกินผลไม้แช่อิ่มกับผลไม้ดองของไทย  ซึ่งผู้ประกอบการก็ต้องหาตลาดและวิธีการ โดยตลาดจีนยังถือว่าตลาดระดับสูงคือตลาดที่เหมาะกับสินค้าของไทย แต่หลักสำคัญอยู่ที่เราจะเจอะตลาดเข้าไปยังไง

ส่วนสินค้าที่น่าจับตามอง คือพวกเครื่องปรุง ได้รับความนิยมมาย โดยเฉพาะเครื่องปรุงที่เป็นแบบพร้อมปรุง อย่างพวกฉีกซองอุ่นแล้วเติมเครื่องก็รับประทานได้เลย ถือว่ากำลังได้รับความนิยม เพราะทุกวันนี้คนจีนทำงานนอกบ้านกันมากขึ้น  ทำให้ไม่ค่อยมีเวลาในการเตรียมอาหารมาก  ซึ่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะเหมาะกับผู้บริโภคที่เป็นคนทำงานมากและสินค้าจำพวกเครื่องดื่มในช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมา เติบโตขึ้นถึง 200 เปอร์เซ็นต์ ส่วนที่หัวเป่ย เติบโตขึ้นเกือบ 300 เปอร์เซ็นต์ ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เพราะในช่วงหน้าร้อนอากาศจะร้อนมากกว่าประเทศไทย  แล้วเครื่องดื่มรสผลไม้ที่มีวุ้นผสม ขายดีและเป็นที่นิยมมากในประเทศจีน

               ธุรกิจบริการ ร้านอาหารไทย มีเปิดอยู่ในจีนทั้งหมดมีอยู่ประมาณ 100 ร้าน  ไทยมีภูมิศาสตร์ที่ค่อนข้างเอื้อต่อการส่งออก เพราะเรามีทั้งเส้นทางทางบก  เส้นทางทางเรือ  เส้นทางทางอากาศ  ซึ่งในเมืองหลักๆ         มีเที่ยวบินเกือบทุกวัน เพราะฉะนั้นนี่จึงถือเป็นจุดแข็งของไทย ดังนั้นผู้ประกอบการจึงควรต้องรู้พฤติกรรมของผู้บริโภค ซึ่งจะทำให้วางกลยุทธ์การตลาดได้ตรงตามเป้าหมาย  แต่ก็มีจุดอ่อนคือ จีนยังใช้ภาษาจีนเป็นหลัก ทำให้ต้องมีความรู้เรื่องภาษาจีนเพิ่มขึ้น หรือต้องมีบุคลากรที่สามารถใช้ภาษาจีนได้ เพราะในบางครั้งการใช้ล่ามที่ไม่มีความเข้าใจในตัวสินค้า อาจจะทำให้การสื่อสารมีความคลาดเคลื่อนได้  จีนเป็นตลาดใหญ่ ซึ่งหมายความว่าไทยไม่ได้มีคู่แข่งประเทศเดียว ประเทศอื่นเค้าก็คิดว่าเค้ามีโอกาสด้วยเหมือนกัน  เพราะฉะนั้นเราจะสร้างความแตกต่างอย่างไร ทำให้สินค้าของตนเองแตกต่างจากของคนอื่น แล้วทำให้ผู้บริโภครู้สึกอยากบริโภคสินค้าของเรา และสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือกฎระเบียบ  ผู้ประกอบการบางรายอาจจะละเลยไปบ้าง หรือไม่ได้ติดตาม เนื่องจากจีนมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายและกฎระเบียบต่างๆค่อนข้างบ่อย ซึ่งอาจจะเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ผู้ประกอบการจะต้องติดตามตลอด แต่ถ้าหากไม่รู้จะติดตามได้ที่ไหนก็สามารถติดต่อมาสอบถามที่สำนักงานได้ตลอด

               “จุดเด่นของสินค้าที่ควรจะเน้นจริงๆคือการสร้างภาพลักษณ์ของสินค้า และเน้นการวางสินค้าในตลาดระดับบน เพื่อที่จะได้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายจริงๆ เพราะถ้าหากผู้ประกอบการสามารถสร้างสะตอรี่ดีๆให้กับสินค้า และสามารถวางจำหน่ายในห้างใหญ่ๆได้ ก็จะสามารถช่วยยกระดับราคาของสินค้าให้สูงขึ้น โดยปริมาณอาจจะไม่ต้องมาก แต่ถ้าขายได้ในราคาที่สูงกว่า ก็ไม่จำเป็นจะต้องไปแข่งกับตลาดระดับกลางและระดับล่าง ที่มีคู่แข่งเยอะ โดยในความเป็นจริงแล้ว จีนก็เป็นคู่แข่งของเราด้วยเช่นกัน ไม่ได้จำกัดเฉพาะประเทศอื่นๆ และเราไม่ควรไปคิดว่าถ้าเราตั้งราคาแพงเราจะขายได้ไหม เพราะเจ้าอื่นตั้งราคาต่ำหมด ถ้าหากเราคิดแบบนี้แสดงว่าเราถอยไปแล้วหนึ่งก้าว เราต้องคิดว่าของเรามีดี  เราตั้งราคาเท่าไร่เราก็ต้องขายได้ เพียงแต่เราจะบอกเขาอย่างไรว่าของเรามีดี อันนี้ถือเป็นสิ่งสำคัญ” นี่คือสิ่งที่ทูตพาณิชย์ประจำเมืองกวางโจว ประเทศจีน กล่าวไว้


Mostview

4 สิ่งของคนเลี้ยงลูกประสบความสำเร็จไม่เคยสอนตอนเมื่อลูกยังเล็ก

ครอบครัวถือเป็นสถาบันหลักสำคัญในการสั่งสอนลูกว่าจะเป็นคนอย่างไร โดยช่วงเวลาที่ผ่านมาเราได้ยินว่าควรทำอย่างไรกับลูกของเรา และเรื่องไหนที่ไม่ควรทำกับลูกของเรา

เศรษฐกิจไม่ดี! KFC-Pizza Hut ในจีน ดึงกลยุทธ์สุดฤทธิ์เรียกลูกค้า เพื่อให้ธุรกิจอยู่รอด

Yum China Holdings เจ้าของ KFC และ Pizza Hut เชนร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดในจีน วางแผนที่จะเปิดสาขาเพิ่มในพื้นที่ที่ยังไม่เคยเปิด โดยใช้กลยุทธ์ขายเมนูในราคาต่ำเพื่อดึงลูกค้าเข้ามาในจำนวนมาก

แม็คโคร-โลตัส ไตรมาสแรกปี 2567 ทำรายได้รวม 127,020 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2,481 ล้านบาท

บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT เผยผลประกอบการในช่วงไตรมาส 1/67 พบว่ามียอดรายได้รวม 127,020 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับปีก่อน มีกำไรสุทธิ 2,481 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับปีก่อน

เกษตรกรเวียดนามไม่ทนหันปลูกทุเรียนส่งออกจีนแทนปลูกกาแฟที่ขาดแคลน แถมราคาถูกกว่า

ราคากาแฟโรบัสต้าทั่วโลกพุ่งแตะระดับสูงสุดเมื่อเดือนที่ผ่านมา โดยเวียดนามซึ่งเป็นผู้ผลิตเมล็ดกาแฟรายใหญ่ที่สุด กำลังต่อสู้กับภัยแล้ง รวมถึงเกษตรกรได้เปลี่ยนมาปลูกทุเรียนแทน

CARS24 ธุรกิจจำหน่ายรถยนต์มือสองยุติดำเนินกิจการในไทยอย่างเป็นทางการ

CARS24 ธุรกิจซื้อ-ขาย-เทิร์น รถยนต์มือสอง ได้ยุติกิจการในประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อย โดยในแถลงการณ์ของบริษัทระบุว่า

SmartSME Line