จากอดีตสาวเอเจนซี่ หันหลังให้วงการโฆษณา ผันตนเองมาเป็นนักธุรกิจอย่างเต็มตัว โดยดึงธุรกิจของครอบครัวมาต่อยอดจนกลายเป็นสินค้าแบรนด์ดัง ในชื่อว่า PAKAMIAN สินค้าผ้าขาวม้าไทยทั้งกระเป๋า เสื้อผ้า พวงกุญแจ ตุ๊กตา และอื่น ๆอีกมากมาย  ซึ่งเรียกเรตติ้งผ้าขาวม้าไทยจนทำให้ประเทศแถบเอเชียและยุโรปต่างนำสินค้าไปขายต่อ

       PAKAMIAN เป็นธุรกิจของ คุณณัฐวรรณ  โกมลกิตติพงศ์ (แอน) อดีตสาวเอเจนซี่โฆษณาที่ได้ผันตัวเองมาทำธุรกิจผ้าขาวม้าไทย ภายใต้แบรนด์ PAKAMIAN โดยคุณแอนได้เล่าถึงจุดเริ่มต้นของการทำธุรกิจนี้ว่า ทางครอบครัวของคุณแอนแต่เดิมมีพื้นฐานด้านการทำธุรกิจเป็นโรงงานทอผ้าขาวม้า อยู่ที่ จ.ราชบุรี พอมาวันหนึ่งแอนมีความคิดที่อยากจะทำธุรกิจเล็ก ๆ ขึ้นมา ก็เลยดึงในเรื่องของผ้าขาวม้าไทยมาเป็นส่วนหนึ่งของสินค้าดู เพราะลายและสีของผ้าขาวม้านั้นมีเอกลักษณ์อยู่แล้ว แต่จะพัฒนาสีและลายให้มีลูกเล่นมากกว่าเดิม เนื่องจากผ้าขาวม้ามีสีเฉพาะตัวอย่างสีขาว ดำ แดง น้ำเงิน และสีกรม ก็เลยเพิ่มความแตกต่างในเรื่องของสีและลวดลายเพิ่มขึ้น อีกทั้งในส่วนของแรงบันดาลใจที่หยิบผ้าขาวม้ามาทำเป็นสินค้านั้น ก็เริ่มต้นจากคนในสังคมไทยปัจจุบันเริ่มถอยห่างจากผ้าขาวม้าไทยขึ้นเรื่อย ๆ และสิ่งนี้เองจึงทำให้เกิดไอเดียที่จะดึงค่านิยมนั้นกลับมา

       ฉะนั้นก่อนที่จะเริ่มผลิตผ้าขาวม้าอย่างจริงจัง คุณแอนได้เล่าว่า ในเริ่มแรกได้ปรึกษากับคุณกฤติน  ทวีผลจรูญ (ป้อง) และคุณพ่อ เพื่อหาความรู้ถึงข้อดีข้อเสียของผ้าขาวม้าก่อน พร้อมทั้งสินค้าทุกชิ้นต้องใช้ผ้าย 100 % เท่านั้น เพื่อให้สินค้ามีคุณภาพดีที่สุด และกว่าจะทำเป็นแบรนด์ PAKAMIAN ได้ต้องใช้เวลาประมาณ 6 เดือน รวมไปถึงได้เปิดตัวสินค้าครั้งแรกเมื่อเดือน ตุลาคม 2010 และก็มีคนให้ความสนใจค่อนข้างมาก เพราะขณะนั้นไม่ค่อยมีกลุ่มธุรกิจเกี่ยวกับผ้าขาวม้ามากเท่าไร จึงทำให้ได้ลูกค้าประจำประเทศสเปนมาครอง อีกทั้งธุรกิจ PAKAMIAN ตอนนี้ก็เริ่มเข้าสู่ปีที่ 6 แล้วจึงมีลูกค้าเข้ามาซื้ออยู่บ่อยครั้ง และลูกค้าบางคนก็เข้ามาให้คำแนะนำถึงรูปแบบ และรูปทรงต่าง ๆ เพิ่มอีกด้วย ดังนั้นทุกคำแนะนำแอนจึงเก็บมาพัฒนาสินค้าให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ

       คุณแอนได้กล่าวต่อว่า สินค้าของทางร้านแบ่งออกเป็น 6 ประเภท คือ 1.สินค้าประเภทปลอกหมอน 2. ผ้าขาวม้าต่าง ๆ เช่นผ้าพันคอ 3.กระเป๋าหรือย่าม 4.สมัดโน๊ต 5.ตุ๊กตา 6.เครื่องแต่งกาย เช่นกระโปรง นอกจากจะเป็นของใช้ส่วนตัวแล้ว ยังสามารถนำมาเป็นของประดับตกแต่งบ้านได้อีกด้วย อย่างเช่น หมอน หรือตุ๊กตา เป็นต้น ทั้งนี้ระยะเวลาในการผลิตสินค้านั้น ใช้เวลาไม่นานนัก แต่การใช้ความคิดในการออกแบบนั้นนานกว่า ส่วนสำหรับกระบวนการผลิต ซึ่งแอนจะเป็นผู้ออกแบบเองทั้งหมด แล้วก็ส่งไปให้ช่างฝีมือเฉพาะทางทำ ดังนั้นสินค้าทั้งหมดก็จะเป็นสินค้า handmade ที่สามารถดูแลเรื่องคุณภาพได้ตามใจสั่ง จึงทำให้สินค้าแต่ละชั้นทำออกมาได้ดี เพราะฉะนั้นก่อนที่จะส่งแบบให้ช่างทำ ทางเราต้องพูดคุยกันก่อนว่า ต้องการแบบนี้ ลายแบบนี้ และสีแบบนี้ เท่านั้น ก็เพื่อให้งานออกมาได้ดีที่สุด อีกทั้ง PAKAMIAN ยังรับทำตามออร์เดอร์อีกด้วย

       นอกจากนี้คุณแอนยังได้เล่าถึงรายละเอียดของราคาสินค้า PAKAMIAN ว่า ราคาสินค้าจะเริ่มตั้งแต่ 79 บาทขึ้นไป จนถึงราคา 3,200 บาท ซึ่งในราคา79 บาทนั้นก็จะเป็นพวงกุญแจ แต่ถ้าหากราคา 3,200 บาทก็จะเป็นตุ๊กตาหมี PAKAMIAN ตัวใหญ่ แต่ราคาโดยปกติทั่วไปส่วนมากก็จะอยู่ที่ 100 -200 บาท ซึ่งในแต่ละเดือนมีรายได้ประมาณ 6 แสนบาท ถ้าให้คิดเป็นกำไรก็ 30 % อีกทั้งตอนนี้มีสาขา PAKAMIAN ในกรุงเทพประมาณ 3-4 สาขา ทั้งสาขาอัมรินทร์พลาซ่า เซ็นทรัล เอสพลานาด และที่หอศิลป์ เป็นต้น ส่วนช่องทางการขาย มีทั้งหน้าร้าน และขายผ่านช่องทาง Facebook page : PAKAMIAN THAILAND รวมไปถึงมีตัวแทนจำหน่ายตามต่างจังหวัด ทั้งจังหวัดขอนแก่น เชียงใหม่ และภูเก็ต นอกจากนี้ในเรื่องของแนวโน้มทางการตลาดซึ่งคาดว่าจะดีขึ้นแน่นอนแต่ในขณะเดียวกันก็มีลูกค้าต่างประเทศเข้ามาจำนวนมากทั้งประเทศแถบเอเชีย ญี่ปุ่น ไต้หวัน ส่วนทางยุโรปก็มี ประเทศสเปน ฮังการี และฝรั่งเศส ดังนั้นจึงสามารถแบ่งกลุ่มลูกค้าได้เป็น 2 ประเภท โดย 60% เป็นกลุ่มลูกค้าประเทศไทย และอีก 40% เป็นกลุ่มลูกค้าต่างประเทศ

       ส่วนปัญหาและอุปสรรคของการทำธุรกิจ PAKAMIAN สินค้าจากผ้าขาวม้าไทยนั้น ที่เคยประสบปัญหาก็คือ การสั่งงานกับช่างผลิตสินค้า ซึ่งบางครั้งช่างอาจไม่เข้าใจในเรื่องของสีและลวดลาย จึงทำออกมาไม่ค่อยตรงตามความต้องการ ดังนั้นจึงกลายเป็นบทเรียนว่า ก่อนที่จะสั่งงานให้ทำต้องบอกถึงความต้องการของเราก่อนว่า อยากให้สินค้าออกมาแบบไหน ก็เพื่อให้สินค้าตรงตามวัตถุประสงค์มากที่สุด อีกทั้งต้องคิดอีกว่าทำอย่างไรให้ธุรกิจจะมีจุดยืนเป็นของตนเองได้อย่างมั่นคง รวมไปถึงต้องซื้อใจผู้ร่วมงานให้สามารถทำงานกับเราได้อย่างยาวนาน คุณแอนกล่าวทิ้งท้าย