หลังจากที่บริษัท พีมาร์ท ซุปเปอร์สโตร์ ทำยอดขายจากปีที่ผ่านมากว่า 1 พันล้านบาท พร้อมเตรียมทุ่มทุน 6 พันล้าน เปิดตลาดอาหารแช่แข็งครบวงจร ในเขตพื้นที่ภาคเหนือ-อีสาน อีกทั้งเตรียมแผนเปิด 30 ศูนย์ค้าส่ง เพื่อให้มียอดขายกว่า 5 พันล้านบาทในปี 2560 ก่อนเตรียมขยายตลาดเออีซีต่อไป 

       นายประกร  มหากิจโภคิณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีมาร์ท ซุปเปอร์สโตร์ จำกัด ได้เผยการก่อตั้งบริษัทฯว่า บริษัท พีมาร์ท ซุปเปอร์สโตร์ จำกัด ได้จดทะเบียนด้วยจำนวนเงิน 500 ล้านบาท เมื่อวันที่ 19 ก.พ. 57 เพื่อดำเนินธุรกิจการค้าส่งวัตถุดิบอาหารแช่แข็งและอาหารสดครบวงจร ทั้งเนื้อหมู วัว ไก่ และอาหารทะเลทุกชนิด โดยเริ่มเปิดสาขาแรกที่จังหวัดเชียงใหม่ จนปัจจุบันมีสาขาเพิ่มที่ จ.ขอนแก่น อุดรธานี อุบลราชธานี สกลนคร และสุรินทร์ โดยมีรายได้ประมาณ 1 พันล้านบาท ต่อมาบริษัทฯ มีแผนใช้เงินลงทุนรวมประมาณ 6 พันล้านบาท โดยตั้งเป้าหมายระยะสั้นว่าภายในกลางปี 2558 จะมีสาขาครบ 10 แห่งในการขยายสาขาเพิ่มที่ จ.เชียงราย หนองคาย บุรีรีมย์ และนครราชสีมา พร้อมทำรายได้เพิ่มขึ้น 100% คิดเป็นมูลค่ากว่า 2 พันล้านบาท ส่วนเป้าหมายระยะกลางคือมี 30 สาขา และทำรายได้ 5 พันล้านบาท พร้อมจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในปี 2560 ก่อนที่จะเดินหน้าสู่เป้าหมายระยะยาวคือขยายตลาดเออีซี เน้นประเทศมาเลเซีย เวียดนาม และลาว เป็นหลัก

       ส่วนสำหรับเหตุผลที่บริษัทฯ เน้นขยายสาขาในพื้นที่ดังกล่าวทางภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือเป็นหลักนั้น เนื่องจากเป็นพื้นที่ห่างไกลจากวัตถุดิบอาหารสด โดยเฉพาะอาหารทะเล รวมไปถึงผู้คนที่อยู่ในพื่นที่ยังมีความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ในขณะเดียวกันทางบริษัทฯ มีฐานลูกค้าเก่าจากธุรกิจวัตถุดิบอาหารแช่แข็งโดยมีสินค้าครอบคลุมทุกประเภทเป็นจำนวนกว่า 1 พันเอสเคยู ตลอดจนมีระบบการขนส่งด้วยรถบรรทุกคอนเทนเนอร์แช่เย็นกว่า 20 คันซึ่งสามารถรองรับความต้องการของลูกค้าได้อย่างเพียงพอ

       นอกจากนี้การดำเนินงานในเบื้องต้นทางบริษัทฯจะเน้นการสร้างแบรนด์เป็นหลัก จึงเป็นผู้ลงทุน 100% ในการขยายสาขาแต่ละแห่ง และยังไม่มีแผนเปิดขายแฟรนไชส์แต่อย่างใด โดยใช้เงินทุนสาขาละประมาณ 200-300 ล้านบาท บนพื้นที่ 2-4 ไร่ (รวมค่าที่ดิน ค่าก่อสร้างหน้าร้าน ห้องเย็น และคลังสินค้า ตลอดจนวัตถุดิบ และรถบรรทุกห้องเย็นขนาดเล็ก สาขาละ 2 คัน) ซึ่งกำลังคิดที่จะขยายสาขาตามการขยายตัวของโมเดิร์นเทรดชั้นนำเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็น บิ๊กซี, เทสโก้ โลตัส ตลอดจนห้างสรรพสินค้าชั้นนำที่มีการศึกษาศักยภาพอย่างละเอียดแล้ว นอกจากนี้ทางบริษัทฯ ยังได้พิจารณาปัจจัยรองอื่น ๆ สำหรับการเปิดสาขาใหม่แต่ละแห่งอีกด้วย อย่างเช่น ในพื้นที่ห่างไกลจากแหล่งวัตถุดิบอาหาร ที่มีจำนวนประชากรไม่น้อยกว่า 1 ล้านคน รวมไปถึงต้องเป็นจังหวัดที่มีสนามบินและระบบสาธารณูปโภคต่างๆ ครบถ้วน ก็เพราะแสดงให้เห็นถึงโอกาสการขยายตัวทางเศรษฐกิจในพื้นที่ ซึ่งในบางจังหวัดนั้นบริษัทฯ อาจมีการเปิดสาขามากกว่า 1 แห่งด้วยซ้ำ เช่น เชียงใหม่ ขอนแก่น และอุบลราชธานี เป็นต้น

      โดยลูกค้าส่วนใหญ่ของพีมาร์ท ซุปเปอร์สโตร์ จำกัด ประมาณ 60% เป็นเจ้าของกิจการฟู้ดเชนและห้องเย็น ซึ่งแต่ละสาขาจะมีลูกค้าที่เป็นสมาชิกประมาณ 1 พันราย มีความถี่ในการซื้อประมาณ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ คิดเป็นยอดขายเฉลี่ยต่อสาขาวันละประมาณ 1 ล้านบาท ส่วนอีก 40% เป็นลูกค้า HoReCa ได้แก่ กลุ่มธุรกิจโรงแรม (Hotel) ภัตตาคาร (Restaurant) และร้านอาหาร (Caterers) ทั้งนี้การที่จะดำเนินธุรกิจให้สำเร็จได้นั้น ต้องมีการวางแผน และต้องคิดให้รอบคอบก่อนการลงทุน เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ในภายหลังด้วย