ตลาดกระเป๋าแบรนด์ไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะนักธุรกิจสมัยใหม่แสวงหาทุนเพื่อสร้างแบรนด์ของตนเองนับไม่ถ้วน และหนึ่งในนั้นคือ สาวแอร์โฮสเตส ที่ผลันตนลงสู่ธุรกิจกระเป๋าแบรนด์ไทยหนังแท้ มีลูกค้าประจำกว่า 70% เรียกได้ว่า สินค้าดีจนต้องบอกต่อปากต่อปาก ทำให้อุตสาหกรรมแฟชั่นมียอดขายทะลุถึงแสนล้านบาท

      จากงานประจำสู่ธุรกิจส่วนตัว สร้างจุดเปลี่ยนให้กับชีวิตเป็นอย่างมาก ซึ่งคุณจุฑาทิพย์ หรูจิตตวิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท รูชิตต้า อินเตอร์เนชั่นแนล เจ้าของและผู้ก่อตั้งแบรนด์กระเป๋าหนังแท้ “รูชิตต้า” (Ruchitta) ตัดสินใจเปลี่ยนอาชีพจากแอร์โฮสเตส มาทำธุรกิจและสร้างแบรนด์เป็นของตนเอง เพราะจากการทำงานอาชีพแอร์โฮสเตสมาคุณจุฑาทิพย์ ได้เห็นหลายคนฝากซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมต่างประเทศเป็นจำนวนมาก ซึ่งมีราคาที่ค่อนข้างแพงด้วย อีกทั้งส่วนตัวก็มีความชื่นชอบเรื่องแฟชั่นเช่นกัน ดังนั้นจึงตัดสินใจหันมาทำแบรนด์กระเป๋าของประเทศไทย เพื่อให้ทุกคนได้รู้จัก และก็ถือว่าเป็นความท้าทายอย่างหนึ่งที่ต้องก้าวผ่านมันไปให้ได้ โดยเริ่มต้นจากการสร้างแบรนด์ใหม่ด้วยตนเอง พร้อมสร้างความแตกต่างด้วยการดีไซน์ให้มีซิกเนเจอร์ของกระเป๋า

ใช้เงินตนเองทุน ขจัดความกลัวกับคำว่า “ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้” 

       ช่องทางตลาดกระเป๋าของแบรนด์ รูชิตต้า โดยคุณจุฑาทิพย์ เริ่มจากการใช้สื่อออนไลน์อย่าง “Facebook”มาเป็นเครื่องมือประชาสัมพันธ์ และขายสินค้า โดยคอลเลคชั่นแรกผลิตจำนวน 30 ใบ สามารถทำยอดขายได้หมดภายในเวลาสองสัปดาห์ จึงเกิดกระแสตอบรับที่ดี พร้อมทั้งมีลูกค้ารู้จักเพิ่มมากขึ้น ด้วยการบอกปากต่อปากนั่นเอง อีกทั้งยังมีลูกค้าขาประจำ ที่ซื้อสินค้าไปแล้วก็กลับมาซื้อใหม่ จึงทำให้ปัจจุบันมีลูกค้าประจำประมาณ 70% ที่ซื้อกระเป๋าไปมากกว่า 3 ใบ ทั้งนี้เอกลักษณ์เด่นของแบรนด์คือ เน้นออกแบบกระเป๋าทุกใบให้มีความสวยงาม เก็บรายละเอียดของกระเป๋าอย่างมีคุณภาพ และมีฟังก์ชั่นใช้งานหลากหลาย โดยคุณจุฑาทิพย์ ใช้แนวทางศึกษาและสังเกตว่าลูกค้าผู้หญิงชื่นชอบกระเป๋าแบบใด และเป็นรูปแบบไหน ทำให้มีการออกแบบตรงกับความต้องการของลูกค้านั่นเอง

วางกลยุทธ์ให้แบรนด์ กระเป๋าหนังไทยแท้

       กระเป๋าแบรนด์รูชิตต้ามีราคาระดับปานกลาง และเป็นกระเป๋าหนังแท้มีน้ำหนักเบา ฉะนั้นคุณจุฑาทิพย์ จึงเจาะกลุ่มลูกค้าในระดับกลาง ซึ่งลูกค้าหลักจะเป็นสาวทำงาน และกลุ่มลูกค้าแพทย์ในโรงพยาบาลต่างๆ นอกจากนี้ใน 3-5 ปีนับจากนี้คุณจุฑาทิพย์ เตรียมรุกขยายตลาดไปในต่างประเทศ ผ่านการร่วมงานแสดงสินค้าในต่างประเทศ เพื่อหาตัวแทนจำหน่ายในแต่ละประเทศ ซึ่งในขณะนี้ประเทศที่ให้ความสนใจทำตลาดได้แก่ ประเทศฮ่องกง อินเดีย ญี่ปุ่น และในตะวันออกกลาง และภายในเดือน ก.ค.นี้จะไปร่วมงาน ฮ่องกงแฟชั่น วีค ที่ประเทศฮ่องกง เพราะเชื่อมั่นว่าจะช่วยเปิดตลาดสินค้าในต่างประเทศได้

ผ่าวิกฤติตลาดกระเป๋าในประเทศไทย

       ภายในประเทศไทยนับว่ามีการแข่งขันรุนแรง เพราะมีแบรนด์กระเป๋าในประเทศเพิ่มมากขึ้น และมีแบรนด์ใหม่ที่เน้นทำตลาดออนไลน์เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน ดังนั้นสิ่งสำคัญต่อไปที่แบรนด์รูชิตต้าต้องทำคือ การรักษาเอกลักษณ์ในเรื่องของดีไซน์ และรักษากลุ่มลูกค้าประจำให้ซื้ออย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงขยายตลาดใหม่ๆ ไปในประเทศและต่างประเทศ พร้อมกันนี้เป้าหมายภายใน 5 ปี จะสร้างสินค้าแบรนด์ไทย ให้ลูกค้าต่างชาติ รู้จักว่า ประเทศไทยเป็นแหล่งผลิตกระเป๋าหนังแท้ที่มีคุณภาพ และเป็นสินค้าหลักที่ลูกค้าต่างชาติจะต้องมาซื้อเมื่อเดินทางมาประเทศไทย

       สำหรับยอดขายของบริษัทในช่วงที่ผ่านมา เติบโต 200% แบ่งสัดส่วนเป็นกลุ่มลูกค้าคนไทย 80-90% และลูกค้าต่างประเทศ 10-20% เป็นแบรนด์ไทย ที่กำลังเติบโตจากนักธุรกิจไทยรุ่นใหม่ ซึ่งถ้าหากประเมินอุตสาหกรรมแฟชั่นในประเทศไทย ตามข้อมูลของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) จะพบว่า อุตสาหกรรมแฟชั่นในปีที่ผ่านมาสร้างรายได้ให้กับประเทศกว่า 8 แสนล้านบาท แบ่งเป็นการส่งออก 5 แสนล้านบาท และตลาดในประเทศกว่า 3.2 แสนล้านบาท ส่วนอุตสาหกรรมเครื่องหนังและรองเท้ายอดการส่งออกโดยเฉลี่ยช่วง 3 ปี ที่ผ่านมาประมาณ 5.30 หมื่นล้านบาทต่อปี และคาดว่าปีนี้จะอยู่ที่ 6 หมื่นล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นตลาดที่เติบโตเพิ่มขึ้นทุกปี